แม่น้องอาย นศ.แพทย์ ปี 2 เรียกค่าเสียหาย 66 ล้านบาท จากมหาวิทยาลับของแก่น หลังเกิดอุบัติเหตุรถบัสคณะพยาบาลชนน้องอายเสียชีวิตในมหาสิทยาลัย
จากอุบัติเหตุรถบัสของคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ชนรถจักรยานยนต์ที่มีน้องอาย อายุ 19 ปี นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 2 คณะแพทยศาสตร์นั่งมาด้วยจนเสียชีวิต เหตุบริเวณสามแยกคณะเภสัชศาสตร์ มข.เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (23 ส.ค. 2565) ครอบครัวน้องอายพร้อมทนายความ เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อเจรจาความรับผิดชอบร่วมกับรศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและนักศิษย์เก่าสัมพันธ์ในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัยขอนแก่น, ผศ.ดร.พักตร์วิไล ศรีแสง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นและคนขับรถบัสคันเกิดเหตุ
หลังการเจรจากว่า 4 ชั่วโมง นางนิตยา รุ่งสถิต อายุ 55 ปี แม่ของน้องอาย กล่าวว่า ตัวแทนมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้ทางครอบครัวเป็นผู้ยื่นข้อเสนอว่า ต้องการให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง ในฐานะมารดาของน้องอายจึงบอกไปว่า ในเรื่องความช่วยเหลือนั้น อยากให้มข.คิดถึงคนทำหน้าที่แพทย์ เพราะอธิการบดี มข.ก็เป็นแพทย์น่าจะรู้และเข้าในว่า การที่จะเรียนจบและมาทำหน้าที่แพทย์นั้น เป็นอย่างไร
เมื่อเป็นแพทย์แล้ว ตำแหน่งทำหน้าที่ตัวเองอย่างไรบ้างก็ขอให้เข้าใจในจุดนี้ ครอบครัว อยากคุยกับอธิการบดี มข. อยากรู้ความรู้สึกนึกคิด อยากรู้การแสดงออกที่เห็นว่ามีความรับผิดชอบ แต่อธิการบดี ไม่มา ส่งตัวแทนมา จึงเสนอไปว่า ครอบครัวขอค่าเยียวยาการตายของน้องอาย กรณีที่เรียนจบแล้วได้เป็นแพทย์ ตั้งแต่อายุ 25 ปี จนถึงเกษียรราชการ อายุ 60 ปี ค่าจ้างวันละ 5,000 บาท รวมเป็นเงินประมาน 66 ล้านบาท
“การเสนอค่าเยี่ยวยาในครั้งนี้ก็รู้ว่าตัวแทนของ มข.ให้คำตอบไม่ได้ เพราะตัวแทนใช้คำว่า มข. ต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุมของ มข.ก่อน จากนั้นก็ยื่นเรื่องเข้าที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ตามขั้นตอน ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่า สภาฯจะนำเรื่องนี้เข้าเป็นญัตติของที่ประชุมหรือไม่” แม่น้องอาย กล่าว
ทั้งนี้ ตั้งแต่ลูกสาวเสียชีวิต มีเพียง คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์และเจ้าหน้าที่คณะพยาบาลที่มาดูแลเอาใจใส่ในทุกเรื่อง ต้องขอบคุณด้วย แต่อธิการบดีนั้นไม่เคยเห็นหน้า มีเพียงเจ้าหน้าที่มาแจ้งว่า อธิการบดีไม่สบาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ให้เซ็นเอกสาร โดยบอกว่า เป็นเอกสารที่มข.จะจ่ายเงินเยี่ยวยานักศึกษาที่ศึกษาใน มข.จำนวน 130,000บาท โดยบอกว่าจะโอนเงินเข้าบัญชีให้มารดาและบิดาคนละครึ่ง แต่ผ่านไป 12 วันแล้ว ทุกอย่างยังนิ่ง ไม่มีเงินเข้าบัญชีแม้แต่บาทเดียว ในขณะเดียวกัน ครอบครัวก็อยากได้ใบชันสูตรศพจากนิติเวช มข. เพื่อนำไปให้บริษัทประกันชีวิต เบิกเงินประกันของน้องอาย ที่อากง อาม่า ทำให้หลานสาว ขอ 3 ครั้ง ก็ยังไม่ได้ โดยรับคำตอบจากแพทย์นิติเวชว่า อยู่ระหว่างการส่งชิ้นเนื้อไปตรวจพิสูจน์ ก็เลยงงว่า ลูกสาวตายจากอุบัติเหตุ มีภาพให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้าย หรือติดเชื้อร้ายอะไร ทำไมต้องตรวจชิ้นเนื้อ ทำให้คลางแคลงใจมาก
การพูดคุยวันนี้สรุปว่า ตัวแทนมข.ให้ครอบครัวยื่นข้อเสนอไป ซึ่งได้มีการนัดฟังคำตอบอีกครั้งในวันที่ 12 กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ อธิการบดี มข.มาพูดคุยเอง ทุกอย่างจะได้จบลง ไม่ต้องยืดเยื้อไปอีก เพราะการสูญเสียของครัวครัวนั้น ไม่สามารถ ประเมินค่าได้ แต่ความรับผิดชอบของมข.สามารถประเมินได้ ถ้าหากจะลงมือทำ ไม่ใช่ปล่อยให้ยืดเยื้อ คนเป็นแพทย์ น่าจะเข้าใจครอบครัว นักศึกษาแพทย์มากที่สุด