‘อ.ธนพร’ มองหลัง ‘ประยุทธ์’ ตกอยู่ในจุดเสี่ยง เป็นโอกาสใหม่จัดดุลอำนาจ เชื่อ ‘ประวิตร’ ยังไม่ยุบสภาเร็ว

มองทิศทางการเมือง หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก้าวขึ้นมาเป็น รักษาการนายกฯ แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกรัฐมนตรี จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยกรณีปมวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี workpointTODAY LIVE สัมภาษณ์ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

โดย อาจารย์ธนพร กล่าวตอนหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้ทุกคนไม่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะถึงจุดที่เจอความเสี่ยง หรือความไม่แน่นอนแบบวันนี้ แต่พอศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่รู้ตัวล่วงหน้า แปลว่า สถานะภาพที่เคยมั่นว่าทุกองคาพยพเคยสนับสนุน แต่วันนี้เกิดความไม่แน่นอนแล้ว ซึ่งความไม่แน่นอนสามารถออกได้ทั้งหัวออกได้ทั้งก้อย แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ หรือถ้าทราบถึง “เครือข่ายระบอบประยุทธ์” จึงไม่มีความเป็นต้องใช้เกมนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า มีความเปลี่ยน ความเสี่ยง ความไม่แน่นอนเกิดขึ้น สถานการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังตอบโจทย์ของ “เครือข่ายประยุทธ์” หรือไม่ เพราะถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบโจทย์ แล้วเครือข่ายทั้งเครือข่ายพัง ก็ต้องเปลี่ยนตัว “ผู้เล่น” ดังนั้นมองลึกๆ เรื่องนี้คือการสละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต สละ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อรักษาระบอบประยุทธ์

แม้ในทางกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็น รมว.กลาโหม แต่ถ้าในวันอังคารหน้า พล.อ.ประยุทธ์ เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มองว่า คนเสียหายทางการเมืองจะคือ พล.อ.ประยุทธ์ เอง ซึ่ง พล.อ.ประวิตรไม่ได้เสียหายเลย เพราะกระทรวงกลาโหม ทุกวันนี้มี “รัฐมนตรีช่วยว่าการ” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปฏิบัติหน้าที่แทนได้ ไม่เสียหายกับการปฏิบัติราชการในกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด คนถูกต้องในทางกฎหมายแต่ไปไม่ได้ทางการเมืองมีเยอะแยะไป ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นกรณีนี้

นอกจากนี้ ยังมองถึงประเด็น “3 ป.” ในความสัมพันธ์ส่วนตัวยังอยู่ แต่ในเชิงอำนาจอย่างไรก็อยู่บนความเปลี่ยนแปลง เพราะทุกอย่างเคลื่อนที่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นคนกำหนดเกม แต่ตอนนี้อำนาจมาอยู่ที่ พล.อ.ประวิตรแล้ว รวมทั้งเส้นทางของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ด้วย นัยยะในคำสั่ง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” จึงกระทบกับสมดุลของ “3 ป.” แน่นอน

ส่วนอนาคตของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องบอกว่า อย่าให้พล.อ.ประวิตร ยุบสภาเร็ว ไม่เช่นนั้น พรรคนี้จะส่งผู้สมัคร ส.ส. ไม่ทัน ซึ่งช่วงเวลานี้ ตนมองว่า เป็นโอกาสที่พล.อ.ประวิตร จะสามารถจัดดุลอำนาจในเครือข่ายใหม่ เช่นกรณีความสัมพันธ์ของพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคเศรษฐกิจไทย ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพราะก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร ก็เคยเสนอหลายสูตร ที่จะบริหารจัดการให้มีความลงตัว จาก “เก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างอยู่ 2 ที่นั่ง” แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้ดำเนินการ ดังนั้นตอนนี้จะเป็นสิ่ง พล.อ.ประวิตร มีอำนาจเต็ม อยู่ในกำมือ ซึ่งจะมีระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลชุดนี้ คือ 6-7 เดือน ซึ่งแค่นี้ตนมองว่า พล.อ.ประวิตรก็ฟินแล้ว และเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร จะนำพาไปจนครบวาระ หรือถ้าจะยุบสภา ก็จะยุบตอนที่พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถ้าสุดท้ายแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อ มองว่า การต่อต้านกันอาจจะขยายวงได้มากขึ้น เช่น รัฐประหาร หรือ การเปลี่ยนแปลงอำนาจ เหมือนในสมัย “พฤษภา 35” แต่ตนย้ำว่า ถ้าเครือข่ายประยุทธ์ ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินต่อจนสุดทางแล้วนั้นก็ไม่มีคำจำเป็นต้องให้พล.อ.ประยุทธ์ พักงาน แล้วให้ศาลตัดสินให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปต่อ และเพิ่มอีกทางก็คือ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปต่อ กระแสไม่เอาลุงตู่ ก็จะยิ่งลุกลาม และอาจส่งผลทำให้เกิดการ “พังทลาย” ทั้ง “เครือข่ายประยุทธ์”

คลิปสัมภาษณ์เต็ม :