‘ประยุทธ์’ ส่งคืนรถประจำตำแหน่ง ระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ส่วนวันนี้ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำ

 ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ส่งคืนรถเบนซ์ประจำตำแหน่ง พร้อมรถในขบวน รวม 4 คัน หลังหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ขณะที่วันนี้ (2 ก.ย.) ลงพื้นที่ จ.อยุธยา เพื่อติดตามสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยา 

  ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม หยุดปฎิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่24 ส.ค.ที่ผ่านมา จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย โดย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เดินทางเข้าทำเนียบฯ แต่เดินทางเข้าปฎิบัติหน้าที่ในฐานะ รมว.กลาโหม เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร เป็นพาหนะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดพลขับได้นำรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร พร้อมรถในขบวน 3 คัน รวมเป็น4 คัน ที่พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เป็นพาหนะในระหว่างปฎิบัติหน้าที่ กลับมาคืนที่กองสถานที่ ยานพาหนะ และรักษาความปลอดภัย ทำเนียบฯ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเสียงวิจารณ์ที่ใช้ทรัพย์สินราชการ

รมว.กห.ลงพื้นที่อยุธยา สั่งกำลังและเครื่องมือช่าง รับมือมวลน้ำเจ้าพระยาเพิ่ม

ด้าน พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมรมช.กห.และ ปล.กห. ได้เดินทางลงพื้นที่ จว.พระนครศรีอยุธยา ติดตามสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยาและการปฏิบัติงานของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กห.และเหล่าทัพในพื้นที่

 โดยเดินทางไปยังวัดกษัตราธิราชเจ้า รับฟังสถานการณ์น้ำแม่น้ำเจ้าพระยาและอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ รวมทั้งการเตรียมการป้องกันสถานที่สำคัญๆ ชุมชนและการรับมือกับปริมาณน้ำในแม่น้ำที่เพิ่มขึ้น ก่อนที่จะเดินทางต่อไปสังเกตการณ์สถานการณ์น้ำและการสนับสนุนของหน่วยทหารในพื้นที่พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย และพื้นที่บริเวณพระตำหนักสิริยาลัย พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทหาร รวมทั้งหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ 

 พล.อ.ประยุทธ์’ ได้ย้ำแสดงความขอบคุณกำลังทหาร รวมไปถึงครอบครัว จาก 9 กองพันทหาร ที่หนุนเสริมเข้าช่วยสนับสนุนป้องกันน้ำท่วม จว.พระนครศรีอยุธยา  รวมทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่และจิตอาสาจากทุกหน่วยงาน ที่สนับสนุนการปฏิบัติงานร่วมดูแลปกป้องสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณสถาน โดยเน้นย้ำ หัวใจการทำงาน คือ การทำหน้าที่ให้สำเร็จ มีความปลอดภัยและประชาชนมีความสุข 

พร้อมย้ำขอให้ประสานทำงานร่วมกับฝ่ายปกครองต่อเนื่องไปโดยใกล้ชิด ในการดูแลชุมชนและแก้ปัญหาความเดือดของประชาชน  โดยให้ติดตามสถานการณ์น้ำ เฝ้าระวังแจ้งเตือน พร้อมทั้งเตรียมกำลังพลและเครื่องมือช่าง เข้าหนุนเสริมช่วยแก้ปัญหาวิกฤตในแต่ละพื้นที่ให้ทันกับสถานการณ์ โดยหากจำเป็น ต้องเตรียมพร้อมอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยที่จัดเตรียมไว้  เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและลดความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ขอให้คงกำลังหลักหมุนเวียนสนับสนุนแผนการปฏิบัติในพื้นที่เสี่ยงต่อเนื่องไป จนกว่าวิกฤตอุทกภัยจะคลี่คลาย