ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กังวล-สั่งตรวจสอบปมเอกสารอ้าง ‘มีชัย’ หลุด นัดถก ‘ปม 8 ปี’ พรุ่งนี้ ยังไม่มีลงมติ

เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ยืนยันเอกสารอ้าง ‘มีชัย’ ให้ความเห็นปม 8 ปี หลุดของจริงหรือไม่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ เผย ประธานศาลฯ กังวลมาก 

นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และนายบุญเสริม นาคสาร รองเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดแถลงข่าวในวันนี้ (8 ก.ย. 65) เวลา 14.30 น. ก่อนที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะประชุมวาระพิเศษ เพื่อพิจารณาวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

โดยสรุป นายเชาวนะ กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่ศาลได้พิจารณารับคำร้อง เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 65 ดำเนินวิธีพิจารณาตามลำดับขั้นตอนมาโดยลำดับนั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาโดยปกติ การที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดประชุมในพรุ่งนี้ (8 ก.ย. 65)  ไม่ได้เป็นเรื่องที่ศาลไปเร่งเวลา หรือทำให้เวลาช้าลงแต่อย่างใด ยืนยัน คดีนี้มีความสำคัญ ศาลให้ความสำคัญตามความสำคัญของคดีพร้อมกันไปด้วย

เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวเกี่ยวเนื่องกับการนัดประชุมพรุ่งนี้ว่า จะมีผลออกมามีเสียงข้างมาก ข้างน้อยไปเท่านั้นเท่านี้ ขอเรียนว่า โดยกระบวนการยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังไม่ไปถึงขั้นที่จะทราบได้ว่ามติจะเป็นอย่างไร เพราะว่าขั้นตอนในการพิจารณาในวันพรุ่งนี้เป็นเพียงการพิจารณาพยานหลักฐานจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้มาแล้วมีความเพียงพอที่จะไปสู่การวินิจฉัยได้หรือไม่

เช่นเดียวกับที่ระบุว่า จะมีการนัดอ่านคำวินิจฉัย ในอีก 15 วัน หรืออย่างไรนั้น ชี้แจงว่า ยังไม่มีเงื่อนไขขอการนัดเวลา เพราะว่าลำดับขั้นตอน เมื่อศาลพิจารณาพยานหลักฐานที่ได้มาแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จะมีการอภิปรายว่า หลักฐานต่าง ๆ  เพียงพอต่อการวินิจฉัย ตัดสินได้หรือไม่ หากไม่เพียงพอ ก็ต้องแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติม ด้วยวิธีการที่กฎหมายกำหนด เช่น ขอพยานเอกสารจากบุคคล หรือขอให้บุคคลมาให้ถ้อยคำก็ได้ หรือขอให้พนักงานสอบสวนมากระทำหรือให้การอย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นประโยชนต่อการพิจารณาต่อศาล หรือดำเนินการไต่สวนด้วยก็ได้

นอกจากนี้ นายเชาวนะ กล่าวว่า ที่สำคัญในวันนี้ที่จะต้องขอความช่วยเหลือ คือกรณีที่มีข่าวว่ามีหนังสือที่ ทางนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ ได้หลุดหรือรั่วไหลไปสู่สื่อโซเชียลนั้น ในเรื่องนี้ ประธานศาลรัฐธรรมนูญได้ให้ความสำคัญ และมีความกังวลเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากจะต้องติดตามตรวจสอบต่อไปว่า เป็นเอกสารที่มีที่มาที่ไปอย่างไรแล้ว ท่านยังกังวลกับเหตุที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ความเห็นนั้น และมีการพาดพิงกระทบไปถึงผู้เกี่ยวข้องต่างๆ

“ในเหตุการณ์ดังกล่าวทางท่านประธานไม่ได้นิ่งนอนใจให้ดำเนินกระบวนการในการตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง (ชั้นธุรการ) ต่อไปว่ามีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร เอกสารดังกล่าว และท่านก็มีความเสียใจอย่างยิ่งที่การรั่วไหลของเอกสารนั้น แม้จะยังไม่ทราบว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ท่านเห็นว่ามีการกระทบต่อผู้ให้ความเห็น และมีการพาดพิงเกี่ยวโยงไปถึงคู่ความในส่วนต่างๆ ของคดีด้วย” เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าว

นายเชาวนะ กล่าวด้วยว่า ทางศาลมีการขอความเห็นไปจริง แต่เอกสารที่รั้วไหลไปนั้น เนื่องจากอ้างอิงว่าเป็นเอกสารที่ท่านมีชัยส่งให้ศาล มีความเป็นที่ศาลต้องตรวจสอบด้วย และไม่ได้มุ่งไปทางที่ว่าเป็นเอกสารจริงหรือปลอม

ผู้สื่อข่าวถามว่า แล้วเอกสารดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ นายเชาวนะ ตอบว่า ยังยืนยันไม่ได้ เราก็เห็นแบบเดียวกับสื่อ เราเห็นในโซเชียล แบบเดียวกับสื่อ

นายเชาวนะ ยังกล่าวอีกว่า คำร้องลักษณะนี้ไม่มีการกำหนดกรอบเวลาไว้ แต่ถ้าเห็นว่าข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่างๆ เพียงพอต่อพิจารณา อำนวยการยุติธรรม เพียงพอต่อการวินิจฉัย ก็ให้ศาลยุติการแสวงหาพยานหลักฐาน และกำหนดประเด็นในการวินิจฉัย จากนั้น ศาลจะนัดอ่านคำแถลงความเห็นในคำวินิจฉัยของแต่ละท่านในที่ประชุม มีการปรึกษาหารือกัน และมีการลงมติ ซึ่งปกติคำร้องที่มีคู่กรณี ตามประเพณีปฏิบัติศาลจะลงมติในช่วงเช้า และจะอ่านคำวินิจฉัย ช่วงบ่ายหรือช่วงเย็น ซึ่งการที่ศาลจะอ่าน ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ได้อยู่ในระหว่างไต่สวน ศาลจะนัดล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน ให้คู่ความมาฟังคำวินิจฉัย

“ในส่วนที่เป็นการคาดการณ์จากบุคคลภายนอก หรือคนหนึ่งคนใด ศาลเองเพียงแต่รับฟัง  ไม่ได้ไปมีส่วน ในการที่จะเอามาใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณา   ศาลจะเอาสำนวน ข้อเท็จจริง พยานหลักฐานในสำนวน  มาพิจารณา และไม่ได้มีการตำหนิ ติเตียนใดๆ ทั้งสิ้น ศาลเองจะมีความเป็นกลาง มีความเป็นอิสระและตั้งมั่นอยู่ในความยุติธรรม  ที่สำคัญตุลาการทั้ง 9 ท่าน  ล้วนเป็นอิสระ ไม่มีท่านใดรู้ว่า ท่านใดจะวินิจฉัยอย่างไร  ขณะเดียวกัน ณ เวลานี้ เมื่อยังไม่เป็นที่ยุติว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่มากพอแล้วหรือยัง  ก็ยังไกลเกินไปที่จะบอกว่า ท่านตัดสินแล้วหรือท่านมีอยู่ในใจแล้ว ตัดสินอย่างหนึ่งอย่างใด อันนั้นเป็นการด่วนสรุปที่เร็วเกินไป”  นายเชาวนะ กล่าว

ส่วนที่ล่าสุดมีเอกสารหลุดอ้างเป็นคำชี้แจงของ พล.อ.ประยุทธ์ ในโซเชียลอีกนั้น เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ยังไม่เห็น ยืนยันว่า ศาลรัฐธรรมนูญพยายามเต็มที่เพื่อควบคุมกระบวนการให้รัดกุมที่สุด หากมีข่าวเอกสารหลุดออกมาเช่นนี้ จะต้องหาสาเหตุเพื่อเพิ่มความเข้มงวดต่อไป

นอกจากนี้ กรณีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะเกษียณอายุราชการอาจทำให้เสียงลงมติเหลือเพียง 4 ต่อ 4 นั้น นายเชาวนะ ชี้แจงว่า โดยปกติมี 2 เงื่อนไข ดังนี้ วาระตามอายุก็พ้นไปโดยไม่ต้องรอตุลาการมารับหน้าที่ต่อ แต่ถ้าพ้นด้วยจำนวนปี ต้องทำหน้าที่จนกว่าตุลาการท่านใหม่จะมาทำหน้าที่ ดังนั้นจึงจะไม่มีภาวะสุญญากาศ เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่า การพิจารณาคดี ต้องมีองค์คณะตุลาการขั้นต่ำ 7 ท่าน จึงไม่เป็นเหตุให้ศาลจะหยุดกระบวนพิจารณา

workpointTODAY ร่วมกับมูลนิธิฟรีดริช เนามัน ชวนร่วมกิจกรรม Thailand Talks เพื่อพูดคุยกับคนเห็นต่างในหลากหลายประเด็น ตอบคำถามด้านล่างเพื่อลงทะเบียน