SHARE

คัดลอกแล้ว

ในฐานะคุณแม่ลูกสามและผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ฉันรู้ดีว่าเด็กและวัยรุ่นเป็นคนที่ฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหน แต่นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 พวกเขาต้องเผชิญกับความทุกข์ ความไม่แน่นอน ความโดดเดี่ยว และความเครียดที่มากขึ้น และจริง ๆ แล้วปัญหาเหล่านี้อาจเกิดขึ้นก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 เสียอีก ข่าวการฆ่าตัวตายของเด็กนักเรียนในประเทศในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าเด็กและวัยรุ่นยังคงเข้าไม่ถึงบริการและการสนับสนุนทางสุขภาพจิต ซึ่งยิ่งชี้ชัดว่า ลึกลงไปข้างในพวกเขาล้วนเปราะบางเหลือเกิน

การศึกษาล่าสุด เรื่อง “การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ระบบและบริการสนับสนุนทางจิตใจและจิตสังคมสำหรับเด็กและวัยรุ่นในประเทศไทย” โดยยูนิเซฟ กรมสุขภาพจิต สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันเบอร์เน็ต พบว่า ความผิดปกติทางจิตและการทำร้ายตัวเองมีสัดส่วนร้อยละ 15 ของภาระโรคทั้งหมดของเด็กและวัยรุ่นอายุ 10-15 ปี แต่สิ่งที่น่าห่วงยิ่งกว่าก็คือ การที่ข้อมูลไม่สามารถชี้ให้เห็นภาพที่แท้จริงของภาวะกดดันด้านจิตใจทั้งหมดที่เด็กและเยาวชนกว่า 14 ล้านคนทั่วประเทศกำลังเผชิญอยู่ และสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือผลกระทบต่อสุขภาพของพวกเขาในระยะยาว แม้โรคจิตเวชจะเป็นสิ่งที่พบเห็นบ่อยขึ้น แต่จำนวนมากกลับไม่ได้รับการรักษา เนื่องจากการตีตราทางสังคมและการเข้าไม่ถึงบริการและการสนับสนุนด้านจิตใจ  มีเด็กและวัยรุ่นหลายล้านคนที่กำลังเผชิญกับความทุกข์มากมายและมีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่ แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าข่ายว่าเป็นโรคทางจิตเวชใด ๆ ก็ตาม

เป็นที่ทราบกันดีว่าปัญหาสุขภาพจิตส่งผลกระทบต่อความสามารถในการเรียนรู้และการเจริญเติบโตของเด็กทั้งในห้องเรียนและในชีวิตประจำวัน พวกเขาต้องต่อสู้กับตัวเองเพื่อให้มีสมาธิจดจ่อ มีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมชั้น และยังต้องจัดการกับอารมณ์เครียด ทั้งหมดนี้ส่งผลเสียระยะยาวต่อพัฒนาการที่สำคัญในทุกช่วงอายุ บ่อยครั้งหลายคนเลือกที่จะจบชีวิตลง ปัจจุบันการฆ่าตัวตายกลายเป็นสาเหตุอันดับสามของการเสียชีวิตของวัยรุ่นในช่วง 15-19 ปีในประเทศไทย การสำรวจภาวะสุขภาพนักเรียนในประเทศไทยปี 2564 พบว่าร้อยละ 17.6 ของวัยรุ่นอายุ 13-17 ปี คิดที่จะฆ่าตัวตายอย่างจริงจัง

แม้ประเทศไทยจะมีความก้าวหน้าในการแก้ปัญหาสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่นผ่านโครงการต่าง ๆ ในโรงเรียน และบริการด้านสุขภาพจิตและจิตสังคม แต่การเข้าถึงบริการเหล่านั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เปราะบางซึ่งกำลังเผชิญกับความรุนแรง การถูกรังแก ความโดดเดี่ยว ความไม่แน่นอนในอนาคต ตลอดจนความวิตกกังวลเมื่อต้องถูกแยกจากครอบครัว เพื่อนฝูง ห้องเรียน การเล่น ประเด็นนี้เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับปัญหาทางสุขภาพจิต ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของเด็กและวัยรุ่นในปัจจุบัน

จริง ๆ แล้วโรคทางจิตเวชกว่าครึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ก่อนอายุ 15 ปี  ซึ่งเราไม่อาจยอมให้คนรุ่นใหม่ของประเทศล้มเหลวได้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องส่งเสียงเรียกร้องให้ทุกหน่วยของสังคมไทยร่วมมือกันและเพิ่มการลงทุนด้านสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่น เพื่อสร้างหลักประกันว่าพวกเขาจะสามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตที่มีคุณภาพและทันท่วงที เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพจิตอันจะนำมาซึ่งความสูญเสียของปัจเจกบุคคลและสังคมโดยรวม การช่วยให้เด็กและวัยรุ่นจัดการกับปัญหาสุขภาพจิตได้ ถือเป็นการช่วยบ่มเพาะความสามารถ ทักษะและประสิทธิภาพของพวกเขาเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่  เป็นพ่อแม่ และประชากรของประเทศไทยในอนาคต

ยูนิเซฟเรียกร้องให้รัฐบาลและสังคมร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เราพร้อมที่จะสนับสนุนทุกฝ่ายในการแก้ปัญหาสุขภาพจิตของคนรุ่นต่อไป ซึ่งรวมถึงกลุ่มคนที่เปราะบางที่สุดเพื่อให้ได้รับการดูแลที่มีคุณภาพและทันท่วงที นั่นหมายถึ งเราต้องมีวิสัยทัศน์และการวางแผนร่วมกัน เราเพิ่มการลงทุนเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน และดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อป้องกัน ส่งเสริม และดูแลเด็กและวัยรุ่นในทุกด้านและคาบเกี่ยวหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นสาธารณสุข การศึกษา สวัสดิการสังคม และยุติธรรม ในขณะที่พระราชบัญญัติสุขภาพจิตของประเทศไทยให้อำนาจและพื้นฐานนโยบายในการรับมือสุขภาพจิตอย่างเข้มแข็ง เราจำเป็นต้องพัฒนาและเพิ่มการลงทุนกับบุคลากรในด้านนี้ให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ เจ้าหน้าที่ด้านตุลาการ และบุคลากรในโรงเรียน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้รับการฝึกฝนอบรมอย่างเพียงพอ และมีความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเด็กและวัยรุ่นทุกคนอย่างเหมาะสมและทันท่วงที

นอกจากนี้ เราในฐานะผู้ใหญ่และผู้วางนโยบายต้องรับฟังเสียงของเด็กและวัยรุ่นที่กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสุขภาพจิต โดยเฉพาะกลุ่มที่เปราะบางที่สุด เช่น เด็กข้ามชาติ เด็กไร้สัญชาติ และเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม พวกเขาต้องมีความเป็นอยู่ที่ดีไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือในโรงเรียน พ่อแม่และครูต้องเปิดใจพูดคุยและรับฟังปัญหาสุขภาพจิตที่ถูกตีตรามาเป็นเวลานาน นั่นหมายความว่า เราต้องสนับสนุนพ่อแม่ ผู้ปกครอง และตัวเด็กเองให้มีความรู้ด้านสุขภาพจิต และส่งเสริมให้โรงเรียนมีทรัพยากรเพียงพอที่จะเห็นปัญหาและช่วยเด็ก ๆ ที่กำลังเผชิญกับความรุนแรง การถูกรังแกในห้องเรียนและทางออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นับตั้งแต่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด ยูนิเซฟได้สนับสนุนบริการให้คำปรึกษาแก่วัยรุ่นในประเทศไทยมากกว่า 40,000 คน ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น lovecarestation.com เราเล็งเห็นคุณค่าของการมีส่วนร่วมของเด็กและวัยรุ่นในงานด้านสาธารณสุข และได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างพื้นที่ที่เป็นมิตร เพื่อให้พวกเขามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ตลอดจนได้ฝึกฝนทักษะในการให้คำปรึกษาแก่เพื่อนฝูงและสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ ภายในยูนิเซฟเอง เราได้นำเอาจุดแข็ง ศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ของคณะกรรมการที่ปรึกษาเยาวชนที่ประกอบไปด้วยเยาวชนจากหลากหลายกลุ่มทั่วประเทศ มาใช้วางแผนโครงการต่าง ๆ ด้านสุขภาพจิตของเรา เพื่อตอบสนองความต้องการของเด็กและเยาวชนได้ดีขึ้น เรายินดีที่จะเห็นหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ นำแนวทางนี้ไปใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าการออกแบบนโยบายและการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่นคำนึงถึงความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริง   เพราะพวกเขาคือคนที่จะต้องใช้ชีวิตกับผลการตัดสินใจจากนโยบายเหล่านั้น

ระบบบริการด้านสุขภาพจิตที่ครบวงจร เข้าถึงง่าย และตอบสนองความต้องการของเด็กและวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน โรงเรียน และชุมชน ต้องถูกกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและการเปลี่ยนแปลงในทุกระดับ ทั้งในแง่การทำความเข้าใจกับปัญหา การเพิ่มการลงทุน และการทุ่มเทอย่างแท้จริงจากพวกเราทุกคน

หมายเหตุ : บทความโดย Unicef เนื่องในวันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก 10 กันยายน

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า