ผู้ว่าฯ กทม.สัญจรเขตมีนบุรี ย้ำแก้ปัญหาน้ำท่วม

ผู้ว่าฯ กทม.สัญจร เขตมีนบุรี พบปัญหาหลักพื้นที่ยังเป็นเรื่องน้ำท่วม หาแนวทางแก้ปัญหาเรื่องถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นคลอง รับประทานอาหารร่วมเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดจบ ป.ตรี อดีตพนักงานออฟฟิต ได้ทำงานสนุก ไม่จำเจ 

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.และทีมงานได้เข้าประชุมผู้ว่าฯสัญจร ร่วมกับนายไพโรจน์ จันทรรอด ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี และคณะผู้บริหาร เพื่อประชุมรับฟังปัญหาและติดตามการดําเนินการด้านต่างๆ ที่สํานักงานเขตมีนบุรี

ภายหลังการประชุม นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า มีนบุรีถือว่าเป็นเขตสำคัญที่มีเมืองเจริญเติบโตขึ้น ปัญหาหลักๆ ที่ ผอ.รายงานเป็นหลายเรื่องในลักษณะของเมืองที่มีความเจริญ มีบ้านหมู่บ้านต่างๆ เข้ามา โดยปัญหาหลักที่สุด คือ ปัญหาเรื่องน้ำท่วม ซึ่งมีชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันน้ำท่วมก็เบาลงแล้ว หลักการที่ให้นโยบายไปคือช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องเข้าไปดูแลจุดเปราะบางต่างๆ เท่าที่คุยกับ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติเมื่อวาน (17 กันยายน) คือฝนยังไม่หยุดแค่นี้อาจจะมีมาอีกถึง 2 เดือน ถึงเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนต้องอาศัยจังหวะนี้เสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง

นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องให้ชุมชนแต่ละส่วนช่วยดูแลตัวเองด้วย จึงเข้าไปวิเคราะห์ว่าชุมชนแต่ละชุมชนที่มีปัญหานั้นมีปัญหาจุดอ่อนตรงไหนและไปเสริมโดยเตรียมอุปกรณ์ให้ เช่น กระสอบทรายเพื่อรองรับกรณีฝนมาอีก ชาวบ้านก็จะดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ปัญหาเขตมีนบุรี คือ พื้นที่กระจายมาก ต้องมีการเสริมทางเดินที่เป็นไม้เผื่อฉุกเฉินชาวบ้านจะได้เข้าออกในชุมชนได้ โดยอยากให้แก้ปัญหาแบบระยะยาวเอาชุมชนเป็นส่วนร่วมในการแก้ปัญหา ซึ่งเบื้องต้นสถานการณ์เริ่มดีขึ้นน้ำในคลองแสนแสบระบายไปได้มาก

นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องต่อมาคือเรื่องถนน โดยคลองในเขตมีนบุรีมี 62 คลอง โดย 11 คลองเป็นของสำนักระบายน้ำ และ 51 คลองเป็นของเขตที่ดูแล ดังนั้นจึงมีคลองเล็กคลองน้อยมาก ซึ่งต้องดูแลว่ามีผลกระทบต่อการระบายน้ำหรือไม่ ส่วนของถนนในเขตมีนบุรีมีลักษณะเป็นหินคลุกตามท้องไร่ท้องนา 31 เส้น เมื่อฝนตกถนนก็เป็นหลุมเป็นบ่อ มีคนแจ้งเข้ามาใน traffy fondue มาก จึงได้มีการให้นโยบายว่าจะมีการคุยกับทางสำนักการโยธาเพื่อหาทางแก้ไข โดยอาจใช้เครื่องมือหนัก เช่น เครื่องบดอัด โดยในระยะยาวจะวางแผนยุทธศาสตร์ว่าจะมีการรวมกลุ่มเขตและนำเครื่องมือหนักมารวมกัน เช่น รถแบ๊กโฮเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของเขตให้เข้มแข็งขึ้น

นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องสายสื่อสารที่รกรุงรัง แต่เริ่มดำเนินการอยู่ในแผนของ กสทช.ที่กำลังเร่งดำเนินการให้เอาลงให้มากที่สุด ซึ่งอยู่ในแผนของ กสทช.ที่จะมีการระเบียบให้ดีขึ้น

นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงกรณีการเสนอแผนทำอุโมงค์ระบายน้ำฝั่งตะวันออก ภายหลังจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่มาติดตามสถานการณ์น้ำที่เขตมีนบุรี–หนองจอก ว่า ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) จะมีการหารือร่วมกับ กองอำนวยการน้ำแฟ่งชาติ หรือ กอนช. และจะนำเสนอ กอนช.ในการทำอุโมงค์ระบายน้ำ

เพราะปัจจุบันน้ำพื้นที่ เขตลาดกระบัง จะออกไปคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต เพื่อออกบางปะกง ซึ่งพื้นที่เป็นภูเขาน้ำไปยาก ส่วนอีกทางไปทางสุวรรณภูมิ ออกทางคลองสำโรง ซึ่งพื้นที่เป็นแอ่ง ทำให้สุดท้ายน้ำ 80% ต้องระบายออกทางคลองพระโขนง ดังนั้นจึงต้องเสนอทำอุโมงค์ระบายน้ำ จากคลองลำปลาทิว ที่เป็นแยกคลองลำปลาทิวกับคลองประเวศ และสูบไปออกคลองร้อยคิว

ในช่วงเที่ยง ผู้ว่าฯ กทม.ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันกับเจ้าหน้าที่ จํานวน 5 คน ได้แก่ นายสุรชัย เผือกผ่อง ตําแหน่งลูกจ้างชั่วคราว พนักงานทั่วไป (ระบายน้ำ) ฝ่ายโยธา, นายศักดิ์ชาย ทรงศิริ ตําแหน่งลูกจ้างประจํา พนักงานทั่วไป (ระบายน้ำ) ฝ่ายโยธา, นางชารินี หวังกา ตําแหน่งลูกจ้างชั่วคราว พนักงานทั่วไป (กวาด) ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ, นายสุวิช อ้นหมูทอง ตําแหน่งลูกจ้างประจํา พนักงานทั่วไป (เก็บขนมูลฝอย) ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ และนายชาตรี โซ๊ะมัน ตําแหน่ง พนักงานสวนสาธารณะ ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ โดยเมนูอาหารในวันนี้คือ ข้าวหมกไก่ กระเพาะปลา และเป็ดย่าง

นายชัชชาติได้พูดคุยกับนางชารินีถึงเหตุผลที่จบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร แต่มาทำงานเป็นพนักงานกวาดที่ กทม.โดยนางชารินี กล่าวว่า จริงๆ เคยทำงานออฟฟิศมาหลายปีและตกงานอยู่บ้าน 2 ปี และทาง กทม.มีการเปิดรับสมัครพนักงานกวาดจึงลองมาสมัครดู ตอนที่ทำงานออฟฟิศทำเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกจึงทำให้เลิกงานดึก และมีลูกเล็กที่ต้องดูแลถึง 4 คน นอกจากนี้ นางชารินียังบอกอีกว่าชอบงานที่สนุกท้าทาย ไม่จำเจอยู่กับที่ และทำงานที่นี่มีความสุขไม่แพ้ทำงานออฟฟิศ

นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ได้ร่วมงานซึ่งจัดโดยมูลนิธิคนรักเมืองมีน ร่วมกับมูลนิธิกู้ภัยร่มไทร สำนักงานเขตมีนบุรี และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกันจัดงาน “คูคลองน้ำใส เยาวชนร่วมใจ เทิดไท้องค์ราชัน” ครั้งที่ 10 ประจำปี 2565 เนื่องในวันอนุรักษ์และรักษาแม่น้ำคูคลองแห่งชาติ และ วันเยาวชนแห่งชาติ โดยมี นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานมูลนิธิกู้ภัยร่มไทร และประธานมูลนิธิคนรักเมืองมีน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกิจกรรม

โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้มอบโล่และเกียรติบัตร ดังนี้ มอบโล่ให้กับผู้สนับสนุนการจัดงาน จำนวน 27 โล่ มอบโล่และเกียรติบัตรให้กับ “เด็กและเยาวชนดีศรีเมืองมีน” จำนวน 16 คน มอบโล่ให้กับโรงเรียนที่ชนะการประกวด “โครงการเครือข่ายเยาวชนรักษ์น้ำ รักษ์คลอง สารวัตรคลองจูเนียร์” จำนวน 3 โล่ และมอบโล่เกียรติบัตรแก่นักเรียนใน “โครงการเครือข่ายเยาวชนรักษ์น้ำ รักษ์คลอง สารวัตรคลองจูเนียร์” จำนวน 10 โรงเรียน จากนั้น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เทน้ำหมัก EM พร้อมปล่อยพันธุ์ปลาที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมประมง เนื่องในวันประมงแห่งชาติ (21 ก.ย. 65) พร้อมรับชมขบวนเรือบุพชาติ

ภายในงานมีกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย กิจกรรมตักบาตรทางน้ำ การประกวดวาดภาพระบายสี การแข่งขันกีฬาทางน้ำการแสดงของเยาวชน การเสวนาทางวิชาการ “คลองสวยน้ำใสอย่างไร ในยุค 5G” เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการแจกพันธุ์ไม้ โดยศูนย์เพาะชำกล้าไม้ฉะเชิงเทรา กรมป่าไม้ สนับสนุนกล้าไม้ 3,000 ต้น ชนิดกล้าไม้ที่แจกจ่าย ได้แก่ ยางนา ตะเคียนทอง พะยอม เป็นต้น