นายกฯ ลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์​ ลุยน้ำเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง

‘นายกฯ’ เดินลุยน้ำเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง  ปชช.ให้กำลังใจสู้ๆ ไม่พบป้ายต้อนรับเพชรบูรณ์ โชว์ปรุงผัดกระเพรา หวังสถานการณ์น้ำดีขึ้น  รับ 3 โครงการพิจารณา สั่งทุกหน่วยงานประสาน กทม. รับมือหลังเจ้าพระยาล้นพนังกั้นน้ำ 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมพบปะประชาชน เทศบาลตำบลตาลเดี่ยว พร้อมกล่าวกับนายอำเภอหล่มสัก ว่าท้องถิ่นคือพลังของประเทศ ขณะที่ ส.ส.ในพื้นที่ มาร่วมกันช่วยกันทำงานโดยนายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็ลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกัน ประชาชนต่างตะโกนให้กำลังใจบอกรักนายกรัฐมนตรีและชื่นชมการทำงานอย่างต่อเนื่อง 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เดินลุยน้ำเข้าไปเยี่ยมบ้านประชาชน ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ในซอยศรีสะอาด หมู่ 11 ค.ตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก ได้รับผลกระทบจากแม่น้ำป่าสักล้นตลิ่ง  โดยนายกฯ กล่าวว่า มาให้กำลังใจ มีสุขภาพแข็งแรง 

ทั้งนี้ประชาชนตะโกนให้กำลังใจนายกฯ “สู้ๆ” 2 ครั้ง โดยนายกฯ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนสู้ๆ 3 ครั้ง นายกฯ ต้องสู้มากกว่า และในระหว่างนั้นเป็นช่วงที่โรงเรียนเลิกเรียน มีเด็กนักเรียนเดินผ่าน เห็นนายกฯ ซึ่งนายกฯ ได้ถอดหน้าอนามัยทักทายเด็กนักเรียน เพื่อแสดงตนว่าเป็นนายกฯ ตัวจริง

จากนั้นนายกฯ แวะศูนย์ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งตั้งอยู่ภายในเทศบาล ต.ตาลเดี่ยว ซึ่งเป็นศูนย์ที่บูรณาการความร่วมมือระหว่างทหาร ฝ่ายปกครอง และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามการทำงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ไม่มีป้ายให้การต้อนรับนายกฯ โอกาสนี้ นายกฯโชว์ผัดกระเพรา ที่เต้นท์แม่บ้านตำรวจเพชรบูรณ์ พร้อมกล่าวว่า ใส่เครื่องปรุงอะไรอีก ใส่น้ำใจ ใส่ความรัก ความสามัคคีลงไป หมดโรคหมดภัย ให้น้ำไปเร็วๆ

ต่อมาเวลา 16.16 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางถึงสวนสาธารณะดงตาล เทศบาลเมืองหล่มสัก เพื่อเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ประสบภัยในเขตพื้นที่เศรษฐกิจเทศบาลเมืองหล่มสัก 11 ชุมชนที่ได้รับความเดือดร้อน  

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรามีกำลังใจที่เข้มแข็ง สิ่งสำคัญที่สุด อย่าท้อแท้มีปัญหาอะไรหน่วยงานจะร่วมกันแก้ เราต้องอยู่กับธรรมชาติให้ได้  วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงทุกวันประเทศเราและประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนเขาหนักกว่าเรา แม้กระทั่งในประเทศยุโรปตะวันตกโดนกันหมดวันนี้  ซึ่งไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ฉะนั้นเราต้องเรียนรู้ใช้ชีวิตอย่างไร  จึงขอให้เชื่อทางการ เวลาเขาแนะนำอะไรมาอย่างน้อย เพื่อบรรเทาความเสียหายความเดือดร้อน เหมือนเขียนหนังสือแล้วลบทิ้งมันไม่ได้  และขอชื่อชมที่เราอยู่กันมาได้ด้วยความอดทนอดกลั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า คนไทยต้องเข้มแข็ง แต่ต้องดูแลใช่หรือไม่ ดูแลเต็มที่  ซึ่งต้องดูอีกหลายโครงการที่ทยอยทำมา ตั้งแต่ตนเข้ามาปีแรกๆจนถึงวันนี้หลายอย่างลงมาเยอะแล้ว แต่มันยังไม่เพียงพอเพียง เพราะต้องทำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้โครงการที่ขอมาตนจะกลับไปดูให้ และดูในเรื่องของงบประมาณจะจัดหาที่ไหน เพราะงบประมาณต้องใช้กับคนทั้งประเทศ ตรงไหนสำคัญ ก็จะปรับ ซึ่งวันนี้มีขอมา 2-3 เรื่อง จะไปดูในแผนงาน  ทั้งนี้อย่าลืมฟังข่าวสารบ้านเมืองด้วย ตนเป็นนายกฯของคนทั้งประเทศไทย ภาษาอีสานก็พูดได้ไป ใต้ก็แหลงได้ผสมๆไป แต่นี่คือคนไทย 100% คนไทยต้องรักชาติ  ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชนคือประเทศไทย  นั่น คือแกนหลักของประเทศไทย อย่าให้ใครมาบิดเบือนอะไร ทั้งหมดความรัก ความสามัคคีเป็นหัวใจ ในการแก้ปัญหาทั้งหมดทุกคนเดือดร้อน มากบ้าง น้อยบ้างรัฐบาลใช้เวลาที่เหลืออยู่จะทำให้ดีที่สุด

“วันนี้เอาหัวใจคนกรุงเทพฯมาฝาก  ถ้าเห็นหัวใจกันแบบนี้ประเทศเราประเทศเราก็เดินไปได้ทุกอย่าง เราต้องทำให้บ้านเมืองปลอดภัยส่งถึงลูกถึงหลานให้ได้วันไหนไม่ปลอดภัยอย่าทำ” นายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมเดินพบปะประชาชนโดยระหว่างนั้นถามชาวบ้านที่มารอต้อนรับว่า “หน้าตาแบบนี้ทรยศไหม หน้าตาแบบนี้ทำอะไรไม่ดีไหม ไม่มีหรอก จะทำให้ดีที่สุด“

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ นายกฯ ได้ใช้รถทรานฟอร์เมอร์ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) หมายเลขทะเบียน 1 นข  1385 กรุงเทพมหานคร 

ต่อมาเวลา 16.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม   เดินพบปะพูดคุยกับประชาชนที่ สวนสาธารณะดงตาล ปรากฎว่ามีวัยรุ่นชาย ที่นั่งอยู่ด้านหน้าเวที ในจุดที่นายกฯจะต้องพบประชาชน พยายามชู 3 นิ้วเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านนายกรัฐมนตรี  แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร (สห. ) เห็นทัน จึงได้เข้าไปรวบตัวไว้และนำตัวออกไปด้านนอก เพื่อสอบถาม พร้อมขอให้อย่าทำแบบนี้อีก

“นายกฯ” หวังสถานการณ์น้ำดีขึ้น  รับ 3 โครงการพิจารณา สั่งทุกหน่วยงานประสาน กทม. รับมือหลังเจ้าพระยาล้นพนังกั้นน้ำ 

จากนั้น ที่สวนสาธารณะดงตาล เทศบาลเมืองหล่มสัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ ว่า วันนี้เป็นภารกิจของนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในการมาเยี่ยมเยือนให้กำลังใจกับชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมซึ่งมีหลายอำเภอ ส่วนใหญ่จะท่วมหมด แต่ตอนนี้เริ่มลดระดับแล้วบ้าง ในบางพื้นที่และที่ผ่านมาอำเภอหล่มสักจะหนักที่สุด  แต่ช่วงเช้าก็ดีใจทราบว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้น เมื่อฝนไม่ตกลงมา การระบายน้ำก็จะพร่องขึ้น แต่ปัญหาคือน้ำจะไปตรงอื่นอีก โดยจะไหลลงไปที่แม่น้ำป่าสัก 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เท่าที่ได้ติดตามทราบว่าระดับน้ำยังสูงอยู่ ฉะนั้นแน่นอนนั่นคือธรรมชาติของน้ำ รัฐบาลและตนวันนี้ได้มาเยี่ยมเยือน และมาฟังการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ซึ่งเขาได้มีการเสนอมา 3 โครงการ นายกฯ ก็รับไปพิจารณา ทั้งทำนบกั้นน้ำ การขยายขนาดของคลองชลประทาน วันนี้เราอยู่กับน้ำอยู่กับธรรมชาติมี 2 อย่างคือการใช้ระบบระบายน้ำเดิม ทางคู่คลอง ต่างๆจากธรรมชาติที่มีอยู่ 2 ที่สร้างขึ้น แต่ทั้งสองอย่างจะรองรับได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น เมื่อมันเกินขีดความสามารถก็จะท่วม โดยบ้านที่เดือดร้อนที่สุดคือใกล้ตลิ่ง บ้านพื้นที่ต่ำพื้นที่การเกษตรนายกฯก็จะกลับไปเร่งรัดในเรื่องของแผนเยียวยาให้เร็วที่สุดและไปสู่การทำโครงการต่างๆให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งจริงๆแล้วตนอยากจะบอกและอยากจะขอให้ ทุกคนให้ ความเป็นธรรม นิดนึง รัฐบาล ได้เข้ามาหลายปีแล้ว และทำอะไรไปมากพอสมควรก็ยังไม่พอเพราะธรรมชาติก็พัฒนาและเปลี่ยนไปเรื่อย เป็นสถานการณ์โลกซึ่งไม่โทษใครทั้งสิ้น แต่เราพร้อมหรือยังที่จะรับมือ ก็ต้องค่อยๆสร้างค่อยๆก่อค่อยๆต่อเติมไปด้วยความเข้าใจจะทำอะไรก็ตามถ้าทำด้วยความขัดแย้งก็ไปไม่ได้ทั้งหมด อะไรก็ไม่ได้ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือความรักความสามัคคี 

“ผมไม่ใช่ศัตรูของใครทั้งสิ้น ผมจะทำให้ดีที่สุด ตราบใดที่ยังทำหน้าที่อยู่” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เตรียมรับมือกับพื้นที่ กทม.อย่างไร เพราะน้ำก็จะลงไปในจุดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนได้เตรียมการโดยให้หลายหน่วยงานไปประสานกับทางกรุงเทพฯซึ่งเราก็มีศูนย์บูรณาการกันอยู่แล้วตอนนี้ปัญหาของเราคือระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสูงล้นตลิ่งล้นทำนพกั้นน้ำ ฉะนั้นเห็นอยู่แล้วว่าพื้นที่มันใหญ่กว้างขวางพอสมควรเราก็ต้องเร่งระบายน้ำให้ได้เร็วที่สุดปัญหาของกรุงเทพฯคือเป็นพื้นที่ต่ำระดับน้ำไล่ไม่ห่างจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1.50 เมตร พอล้นมาก็ต้องไหลท่วมขังแน่นอน ดังนั้นต้องเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันน้ำเหนือกำลังลงมาน้ำป่าก็มา ถ้าไม่ระบายก็ไปไหนไม่ได้ ซึ่งต้องขอให้ทุกคนได้เตรียมความพร้อมไว้ด้วย และตนหวังว่าสถานการณ์จากคลี่คลายได้โดยเร็ว ซึ่งตอนนี้เริ่มเข้าสู่ห้วงฤดูหนาวถ้ากรมอุตุวิทยา แจ้งไม่มีพายุ อะไรเข้ามาก็จะลดระดับความรุนแรงลงไปอย่างไรก็ตามน้ำที่เหลืออยู่จะต้องมีการระบาย