Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

วิเคราะห์ ‘Little Women’ เมื่อเกาหลีเอานิยายรักฝรั่งมาทำละครลึกลับสับเรื่องชนชั้นจนแหลก

ถึงแม้ Little Women ซีรีส์เกาหลีสุดเข้มข้นจาก Netflix จะเป็นแนวดราม่าลึกลับ ที่เล่าเรื่องราวของโออินจู และน้องสาวทั้งสองที่ชีวิตพลิกผันเพราะเงินก้อนใหญ่ กล้วยไม้หายาก และครอบครัวมหาอำนาจเข้ามาเยือน แต่ที่จริงแล้วเรื่องราวต้นฉบับที่ซีรีส์นำมาดัดแปลงนั้นเป็นนิยายสุดคลาสสิคชื่อเดียวกัน หรือที่เป็นที่รู้จักในชื่อไทยว่า สี่ดรุณี จากปลายปากกาของ ลุยซา เมย์ อัลคอตต์ โดยจองซองคยอง นักเขียนบทซีรีส์หยิบยืมโครงเรื่องและตัวละครมาใช้อย่างน่าสนใจ พร้อมกับการใส่เส้นเรื่องอื่น อ้างอิงผลงานคลาสสิกทั้งวรรณกรรม ภาพเขียน และใช้สัญลักษณ์มากมาย เพื่อขับเน้นปัญหาและความโหดร้ายของสังคม แต่หลายคนที่ไม่เคยอ่านสี่ดรุณีอาจจะจินตนาการไม่ออกว่าผู้เขียนบท Little Women จะนำเรื่องและตัวละครจากนิยายที่เขียนมามากกว่า 150 ปีก่อนมาดัดแปลงให้เข้ากับบริบทของปัจจุบันได้อย่างไร บทความนี้จะเผยเนื้อเรื่องของทั้งสองเวอร์ชั่น และลองตีความสัญลักษณ์ในเรื่องให้ผู้อ่านพิจารณา

[บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องบางส่วน]

Little Women ต้นฉบับนั้นเป็นเรื่องราวของพี่น้องสี่คน เม็ก โจ เบธ และเอมี่ ที่อาศัยอยู่กับแม่ที่แมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา พวกเขาต้องเผชิญความลำบากในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกาหรือ Civil War ช่วงปี  1861-1865 เมื่อพ่อต้องไปรบในสงคราม แม้จะเกิดขึ้นมาก่อนนับร้อยปี แต่ดูเหมือนสถาณการณ์นี้จะไม่ต่างกับเกาหลีใต้ในปัจจุบันที่ยังคงอยู่ภาวะสงครามไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากสงครามกับเกาหลีเหนือแล้วยังมีสงครามกับความจนและการดิ้นรนให้หลุดพ้น โดยพ่อของใน Little Women เกาหลีต้องไปตายเอาดาบหน้าด้วยการไปสู้ชีวิตหาโอกาสที่ต่างประเทศ เช่นเดียวกับพ่อของเหล่าสี่ดรุณีที่ไปรบในสงคราม และแม้จะนำตัวละครและโครงเรื่องมา แต่ซีรีส์ได้ ‘deromanticize’ ด้วยการนำเหล่าพี่น้องออกจากโลกแห่งความสวยงามที่ถึงแม้จะจนเข็ญใจแต่ก็อบอวลไปด้วยความรักและทุกอย่างจะจบอย่างมีความสุขในตอนท้าย โดยตัวละครถูกกระชากจากนิยายรักมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงที่โหดร้าย ด้วยการใส่รายละเอียดที่ต่างออกไปให้เพื่อสะท้อนความเป็นจริงของเกาหลีในปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น เช่น

  • พี่สาวคนโตอย่าง อินจูและเม็ก ที่แม้จะมีนิสัยใจอ่อนกับความหรูหรา และบางครั้งก็ปล่อยให้คนรอบข้าง หรือเพื่อนที่รวยกว่า ชักจูงราวกับว่าเธอเป็นตุ๊กตาเหมือนกัน แต่ต่างกับเม็กผู้ใช้ชีวิตตามขนบของคนในสมัยนั้นและนางเอกนิยายที่ดี โดยสุดท้ายเธอก็แต่งงานกับคนดี ๆ ที่รักแม้ว่าเขาจะจน อินจูกลับเลือกแต่งงานกับผู้ชายฐานะดี ถึงแม้จะพบในภายหลังว่าเขาหลอกลวงเธอและจบด้วยการหย่าร้าง แต่เธอก็ยังฝันที่จะได้แต่งงานกับผู้ชายฐานะดีอยู่ดี ชีวิตของเธอสะท้อนทั้งค่านิยมการเลือกสามีโดยมีฐานะทางการเงินเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญ อย่างที่บทความจาก inquirer.com เสนอว่า 92.7% ของผู้หญิงเกาหลีคิดว่าความสามารถทางการเงินเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกคู่ครอง และการที่คนมีความพยายามที่จะไต่ระดับชั้นทางสังคมเพื่อชีวิตที่ดีกว่าไม่ว่าะจะต้องทำอะไรก็ตาม เหมือนกับที่เธอพูดไว้ในเรื่องว่า “มันมีแค่วิธีเดียวที่จะใช้ชีวิตต่างไปจากเดิมได้…การไม่จนอีกต่อไป”

  • ส่วนพี่สาวคนรองอย่าง โจ กับ อินกยอง ที่มีความมุ่งมั่น ซื่อตรงต่อความต้องการของตัวเอง หยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่คิดพึ่งพาใคร และไม่คิดจะแต่งงานเหมือนกัน ก็ยังมีสิ่งที่ต่างกันคืออาชีพและปัญหาชีวิต โดยอินกยองไม่ใช่นักเขียนนิยายเหมือนโจ แต่เป็นนักข่าวที่มุ่งมั่นจะนำเสนอข่าวเพื่อสังคม นอกจากนี้อินกยองยังมีอาการติดเหล้าอีกด้วย ซึ่งสะท้อนปัญหาวัฒนธรรมการดื่มในเกาหลีใต้ ซึ่งสำนักข่าวอัลจาซีราเคยพาดหัวไว้ว่าเป็นประเทศที่มีปัญหาเรื่องการดื่มหนักที่สุดในโลก แต่หนึ่งในความเหมือนที่ถูกเก็บไว้คือการที่ทั้งสองเติบโตมากับหญิงแกร่งที่มีฐานะ (ในกรณีของโจคือคุณป้าและของอินกยองคือคุณย่า) ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ให้อินกยองมีความแตกต่างกับพี่น้องของเธอในเรื่องทัศนคติด้านการเงิน เพราะเธอไม่ได้มองเงินเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเธอเคยสัมผัสชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนแล้ว แต่เลือกที่จะเดินจากมาด้วยความเชื่อของเธอเอง แต่หากมองในมุมหนึ่งก็อาจจะพูดได้ว่า เพราะเธอเคยมีเงินเธอจึงพูดได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ในขณะที่พี่น้องของเธอไม่เคยอยู่ในจุดที่คิดแบบนั้นได้

  • ด้านน้องคนเล็กอย่าง อินฮเยและเอมี่ ที่ก็มีความสามารถด้านศิลปะ ความทะเยอทะยาน เอาแต่ใจ เป็นที่รักของครอบครัว แต่ยังมองโลกตามความเป็นจริงเหมือนกัน แต่ข้อต่างอยู่ตรงที่อินฮเยต้องเจอความยากลำบากในแง่ทุนการศึกษามากกว่าเอมี่ที่ได้รับการสนับสนุนจากคุณป้า และเมื่อเรานำชีวิตของอินฮเยมาเทียบกับพัคฮโยริน เพื่อนสนิทของเธอในเรื่อง ก็อาจจะได้เห็นการนำเสนอประเด็นความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาซึ่งเป็นปัญหาอยู่ในเกาหลีใต้ เพราะนักเรียนมักจะติวพิเศษเพื่อให้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้ โดยเฉลี่ยแล้วครอบครัวในเกาหลีใช้จ่ายไปกับค่าติวพิเศษมากกว่า $3,000 ต่อปีต่อนักเรียนหนึ่งคน การจบจากมหาวิทยาลัยดี ๆ จะทำให้พวกเขาได้งานในบริษัทที่ดี ในขณะที่นักเรียนบ้านจนยากที่จะมีโอกาสนั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาติดอยู่ในวงจรของความจน นอกจากนี้ความต้องการไปเรียนที่ต่างประเทศและอยู่ไกลจากครอบครัวของอินฮเย ก็สะท้อนปัญหาสมองไหลเมื่อเด็กเกาหลีรุ่นใหม่กว่า 75% สิ้นหวังในประเทศและต้องการหนีจากสิ่งที่พวกเขาเรียกว่านรกโชซอนไปอยู่ที่อื่นได้เป็นอย่างดี

จากนอกตัวละครหลักสามตัวแล้วยังมีตัวละครอื่น ๆ ที่ชวนให้นึกถึงตัวละครจากเรื่องต้นฉบับ อย่างเช่น

  • ฮาจงโฮ หนุ่มข้างบ้านลูกเศรษฐีผู้แอบรักอินกยอง แต่โดนเธอปฏิเสธที่ชวนให้นึกถึงลอรี่ที่มีชะตากรรมคล้ายกันใน สี่ดรุณี
  • เศรษฐีนีหญิงแกร่งอย่างคุณย่าโอฮเยซอก ก็ชวนให้นึกถึงคุณป้ามาร์ช ผู้ถึงแม้จะชอบดุแต่คอยสนับสนุนหลานสาวอยู่เสมอ และสุดท้ายก็ยกสมบัติให้ ถึงในเวอร์ชั่นเกาหลี มันจะมาพร้อมกับภาษีมรดกและหนี้ก็ตาม
  • แม่ของสามสาวแห่ง Little Women เกาหลีที่เห็นแก่ตัวกว่า มาร์มี แม่ในต้นฉบับ ซึ่งสะท้อนบทบาทของผู้หญิงในสมัยก่อนที่ต้องทำหน้าที่เพื่อลูกและสามีจนไม่เคยใช้ชีวิตเพื่อตัวเองและสุดท้ายก็เอาเงินลูกไปเพื่อเติมเต็มความฝันของการมีชีวิตที่ไม่ต้องเป็นแม่ใคร
  • โออินซอน น้องสาวคนกลางของครอบครัวโอที่เสียไปตั้งแต่ยังเล็ก เพราะความจนทำให้พ่อต้องทำงาน ไม่มีใครคอยดูแลดี ๆ เมื่อเธอป่วย และไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที และสุดท้ายก็ถูกคนในครอบครัวลืมเลือน ซึ่งต่างกับเบ็ธ น้องคนกลางใน สี่ดรุณี ที่ถึงแม้จะอ่อนแอและป่วยจนเสียชีวิต แต่ก็อยู่มาได้จนโตและจากไปท่ามกลางความรัก ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ตอกย้ำความโหดร้ายที่แท้จริงของความจนเป็นอย่างดี

นอกจาก สี่ดรุณี แล้ว Little Women ยังมีร่องรอยของการนำแรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมและงานคลาสสิกอื่น ๆ อย่างเช่น The Count of Monte Christo หนังสือที่ประทานวอนซังอูอ่านใน ep 3  ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่บอกใบ้ถึงเส้นเรื่องการทวงคืนความยุติธรรมหลังจากที่โดนใส่ร้ายป้ายสีของอินจูและวอนซังอูเอง ซึ่งไม่ต่างกับ Edmond Dantès พระเอกของเรื่อง หรือภาพวาดในไตเติ้ลที่มีความคล้ายกับ The Last Supper ภาพเขียนชื่อดัง ก็ดูจะบอกใบ้ถึงการหักหลังและความอันตรายของสถานการณ์ที่อินจูต้องเผชิญ ด้วยภาพเขียนที่บอกเล่าเรื่องราวของอาหารมื้อสุดท้ายก่อนที่อัครสาวกอย่างจูดาสจะหักหลังพระเยซูจนนำมาสู่การตรึงกางเขน ตำแหน่งของอินจูในภาพวาดที่ตรงกับพระเยซู และตำแหน่งของรองเท้าสีแดงที่อาจจะเป็นตัวแทนของจินฮวายองซึ่งตรงกับตำแหน่งของยูดาสในรูปต้นฉบับพอดี ซึ่งอาจจะเป็นสัญญลักษณ์ที่ถูกวางไว้เพื่อบอกใบ้การที่จินฮวายองจะหักหลังอินจูก็เป็นได้

อีกสิ่งที่ส่งเสริมความแข็งแรงของการนำเสนอประเด็นสังคม คือการใช้สัญญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่มากมายทั่วเรื่องแต่ที่เห็นเด่นชัดมากที่สุดคือการใช้รองเท้าและกล้วยไม้

  • จากรองเท้าสีแดงที่สะท้อน passion ความทะเยอทะยาน อันตราย และความตาย ผ่านสีที่มีความหมายหลากหลาย ไปจนถึงรองเท้าสีดำติดเพชรที่มีไม่กี่คนที่ได้ครอบครอง ซึ่งนอกจากจะใช้สะท้อนถึงฐานะที่เปลี่ยนไปของอินจู หรือใช้แทนลางบอกเหตุของการเปลี่ยนไปรับหน้าที่นักบัญชีแทนจินฮวายองแล้ว การเดินด้วยรองเท้าส้นสูงราคาแพงที่มั่นคงแข็งแรงยังอาจจะเป็นสิ่งที่สื่อถึงการที่เงินทำให้คนสามารถยืนในจุดที่สูงกว่าด้วยความมั่งคงและมั่นใจอีกด้วย
  • อีกหนึ่งไอเทมสำคัญของเรื่องคือกล้วยไม้ และถึงแม้จากการสอบถาม คุณภวพล ศุภนันทนานนท์ ผู้เขียนหนังสื่อเรื่อง Orchid Mania จะเผยว่ากล้วยไม้เด่น ๆ ในทั้งสองดอกในเรื่องอย่างเจ้าหญิงจอมโจร และกล้วยไม้ผีสีน้ำเงินจะเป็นกล้วยไม้ที่สร้างขึ้นมาใหม่ โดยกล้วยไม้ผีอ้างอิงจากลักษณะบางอย่างของกล้วยไม้ผีที่มีอยู่จริง แต่การใช้กล้วยไม้ที่เป็น ‘พืชวงศ์ใหญ่ที่มีจำนวนชนิดมากสุดในโลก’ และกว่า 70% เป็นพืชอิงอาศัย (Epiphytes) ซึ่งเติบโตด้วยการเกาะพืชอื่น มาเป็นไอเทมสำคัญที่เป็นหัวใจหลักของเรื่องนั้นอาจจะเป็นตัวสื่อถึงความหลากหลายของคน และการที่นามสกุล เส้นสาย อำนาจ เป็นสิ่งที่ทำให้คนเติบโตและเฉิดฉายได้ ดังเช่นกล้วยไม้ผีที่เกาะอยู่บนต้นพ่อจะเติบโตได้ดีกว่า และคนในสมาคมจองรันจะสามารถก้าวหน้าในอาชีพได้มากกว่าคนไม่มีเส้นสาย
  • การเลือกกล้วยไม้ผีซึ่งเป็นกล้วยไม้หายาก และเขียนให้มันมีฤทธิ์ทำให้เคลิ้มเมื่อสูดดมหรือเสพย์อาจจะสื่อถึงการที่อำนาจที่อยู่ในคนจำนวนจำกัด และการเสพย์อำนาจอาจจะทำให้คนหลงระเริง ทั้งที่มันมีอันตรายที่ร้ายแรงถึงตายแต่ผู้คนก็หมายจะครอบครอง ข้อสำคัญคือการที่ขบวนการอำนาจนี้เริ่มต้นมาจาก ‘นายพล’ ผู้ปลูกต้นไม้นี้เอาไว้ และสงครามที่นำกล้วยไม้มาสู่เกาหลีใต้ก็อาจจะสื่อถึงการที่ความเหลื่อมล้ำในสังคมเกาหลีทุกวันนี้เริ่มต้นหยั่งรากมาจากยุคสงครามเกาหลีในยุค 1950s และเติบโตอย่างก้าวกระโดดในยุคของนายพลพัคจองฮีที่สร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มธุรกิจกับรัฐบาลขึ้นมาด้วยแผนที่จะดันกลุ่มธุรกิจแค่เพียงบางกลุ่มเพื่อให้การส่งออกประเทศเติบโต แต่ความสำเร็จนั้นกลับกลายเป็นพื้นฐานให้กับระบบชนชั้นที่บิดเบี้ยวของสังคมเกาหลี เมื่อตระกูลแชโบลเป็นผู้กุมอำนาจของประเทศ สีน้ำเงินที่ออกเป็น Royal Blue ที่ใช้แทนสีขาวบริสุทธ์เดิมก็เหมือนเป็นการตอกย้ำการมีชีวิตราวราชวงศ์ของตระกูลแชโบล
  • การส่งต่อต้นไม้และพิธีการวางกล้วยไม้บนต้นพ่อก็สะท้อนถึงการส่งต่ออำนาจและวัฒนธรรมนี้จากรุ่นสู่รุ่นเป็นวงจรที่ไม่มีสิ้นสุด เหมือนกับการสืบสานอำนาจของกลุ่มแชโบล และเส้นเรื่องของวอนซังอาที่แต่งงานกับลูกคนขับรถอย่างพัคแจซัง ชวนให้นึกถึงเรื่องราวในชีวิตจริง เมื่อ อีบูจิน ลูกสาวคนโตของตระกูลแชโบลยักษ์ใหญ่อย่างซัมซุงแต่งงานกับบอดี้การ์ด ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่ากล้วยไม้และสมาคมจองรันเป็นสัญญลักษณ์ที่ถึงตระกูลแชโบลได้เป็นอย่างดี

การนำตัวละครเหล่านี้มาตีความใหม่ พร้อมกับการใส่เรื่องราวแวดล้อมก็สะท้อนให้เห็นเจตนารมย์ของนักเขียนบทจองซอคยองซึ่งอาจจะแตกต่างกับ ลุยซา เมย์ อัลคอตต์ ผู้เคยกล่าวไว้ว่า “I’ve had a lot of troubles, so I write jolly tales” ซึ่งซับไตเติ้ลของภาพยนตร์เวอร์ชั่นปี 2019 แปลไว้ได้ความว่า “ชีวิตฉันมีแต่ปัญหา ฉันจึงเขียนนิยายหรรษา” ที่อาจจะสื่อถึงการสื่อถึงการหลีกหนีจากความเป็นจริงด้วยการมองด้านงามของชีวิต ในขณะที่ Little Women ในเวอร์ชั่นเกาหลีปี 2022 นี้เลือกที่จะสะท้อนปัญหาที่เกิดในยุคสมัยนี้อย่างเที่ยงตรง

 

อ้างอิง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า