SHARE

คัดลอกแล้ว

จากกรณีเหตุการณ์โศกนาฏกรรม สังหารหมู่ ที่ จ.หนองบัวลำภู ซึ่งทั่วไปเรียกว่า “กราดยิงหนองบัวลำภู” ซึ่งมีผู้ก่อเหตุ เป็นอดีตตำรวจ ใช้ปืนถูกกฎหมาย และมีประวัติเสพยาเสพติด 

สรุปประเด็นสำคัญๆ ซึ่งเป็น “มาตรการใหม่” จากการแถลงข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย หลังการประชุมกำหนดมาตรการเร่งด่วนแก้ปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ได้ดังนี้

การแก้ปัญหาอาวุธปืน

(รายใหม่) ขอใบอนุญาตซื้อปืน

– ต้องมีใบรับรองแพทย์ตรวจสุขภาพจิต

– มีผู้รับรองความประพฤติ อาทิ ผู้บังคับบัญชา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน

(รายเก่า) ทบทวนระยะเวลาใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน (ใบ ป.4) อาจ 3 ปี หรือ 5 ปี

– ทบทวนความประพฤติว่าใช้ปืนได้หรือไม่

– ผู้พ้นหน้าที่ไปแล้วยังมีความจำเป็นหรือไม่

– กรณีกระทำผิดเพิกถอนใบอนุญาตทันที

– เตรียมออกพ.ร.บ.ให้นำปืนเถื่อนมาคืนรัฐ โดยไม่มีความผิดทางอาญา แต่ไม่ให้ขึ้นทะเบียน ไม่เรียกว่านิรโทษกรรม

การแก้ปัญหายาเสพติด

–  ควบคุมการนำเข้า-ส่งออก สารเคมีตั้งต้นผลิตยาเสพติด “โซเดียมไซยาไนต์”

– เร่งติดตามจับกุม ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน

– ทบทวนกรณีผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยเฉพาะประเด็นปริมาณการครอบครอง เพื่อนำไปสู่การบำบัดฟื้นฟู

– เร่งหาผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ นำเข้าสู่การบำบัด-ฟื้นฟู

เพิ่มกลไกดูแลสุขภาพจิต

–  ตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอ

– ตั้งระบบดูแลสุขภาพจิตในโรงเรียน สถานศึกษา สถานประกอบการที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน

ต่อไปนี้คือเนื้อหาในการแถลงข่าว 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา : วันนี้เป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการสำคัญ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน โดยมาตรการสำคัญได้แก่การกวดขัน การบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับอาวุธปืนให้มีความเข้มงวด โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตและการต่อใบอนุญาต รวมถึงการพกพาอาวุธปืน ส่วนผู้ยื่นคำขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน และต้องมีการตรวจสอบและรับรองอาการทางจิต ไม่วิกลจริตและฟั่นเฟือน โดยจะต้องมีการรับรองจากผู้บังคับบัญชา ชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งต้องไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม นอกจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบทบทวน เพื่อพิจารณาคุณสมบัติตามห้วงเวลาที่เหมาะสม

ขณะที่การเพิกถอนใบอนุญาตการพกพาอาวุธปืน  เมื่อพบปัญหาทางจิต หรือมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม มีการใช้ยาเสพติด และต้องมีการกวาดล้าง จับกุมอาวุธเถื่อน รายการซื้อขายออนไลน์อย่างจริงจัง รวมทั้งต้องมีการทบทวนกฎหมายและกฎกระทรวง ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ และให้มีผลออกมาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ส่วนมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด ต้องเน้นการควบคุม การนำเข้า การส่งออก สารเคมีตั้งต้นที่นำไปใช้ผลิตยาเสพติด “โซเดียมไซยาไนด์” พร้อมเร่งติดตาม สืบสวนขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน การบูรณาการนำผู้เสพเข้าระบบศูนย์ข้อมูลที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ป.ป.ส. ทบทวนกรณีผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยเฉพาะประเด็นปริมาณการครอบครอง ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือว่าจากกำหนดปริมาณการครอบครอง (นายกฯ พูดว่า 5 เม็ด 15 เม็ด) ซึ่งหากมีความจำเป็นก็ต้องปรับแก้กฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งในเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องดำเนินการลงโทษ โดยเด็ดขาดทุกกรณี

มาตรการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้เร่งค้นหาคัดกรอง เพื่อนำเข้าสู่การฟื้นฟู เร่งจัดตั้งศูนย์คัดกรองให้ครอบคลุมทุกตำบล ทั้งสาธารณสุขและท้องถิ่น ให้เป็นมาตรฐานสากล โดยจะต้องเร่งหาผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ให้ได้ว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้ตรวจสอบคัดกรองได้อย่างตรงจุดและเข้าสู่กระบวนการได้ ทั้งนี้ ชุมชนถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยทางภาครัฐ ในการตรวจสอบหากพบเห็นผู้ที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง หรือติดยาเสพติดซึ่งจะต้องหามาตรการที่เหมาะสมเพื่อติดตามต่อไป

การพัฒนาและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต จะจัดตั้งระบบดูแลสุขภาพจิตใน โรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่ง  สถานประกอบกิจการที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธร้ายแรง ขณะที่การบำบัดฟื้นฟู ให้จัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอ จัดตั้งหน่วยบูรณาการ จิตเวชฉุกเฉินทุกอำเภอ มีระบบดูแลเบื้องต้นทางจิตเวชทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และใช้ชุมชนบำบัด เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษาจิตเวชทางไกล การดูแลต่อเนื่องในชุมชนในผู้ป่วยจิตเวชเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง

“ได้ให้ความเข้มงวดกับปัญหายาเสพติดมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ซึ่งเป็นปัญหาซ้อนปัญหา ไปเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธปืน และก่อเหตุรุนแรง ยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ขณะที่ในการประชุมวันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้เสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์ ซึ่งหลายอย่างต้องใช้ระยะเวลา แต่เรื่องใดที่ทำได้ก็จะดำเนินการทันที เตือนทุกคนต้องช่วยกัน โดยสามารถแจ้งข้อมูลในช่องทางมายังภาครัฐ ซึ่งจะเร่งดำเนินการในทันที และย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างที่สุดทั้งเรื่องของผู้เสพและผู้ค้า รวมถึงผู้เสพรายใหม่ ทุกอย่างต้องทำอย่างเป็นระบบทั้งการป้องกัน ป้องปราม ปราบปราม บำบัดรักษา ยืนยันรัฐบาล ไม่เคยปิดกั้นการรับข้อมูลจากใคร แล้วขอให้แจ้งเข้ามาเพื่อ นำไปสู่การแก้ไขปัญหา”

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา : ในเรื่องของปืน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือปืนที่มีใบอนุญาตและปืนเถื่อน โดยมาตรการใหม่จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติขั้นพื้นฐานว่ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะมาขออนุญาตซื้อปืน รวมถึงตรวจสอบสุขภาพจิต ซึ่งเวลาจะขออนุญาตซื้อปืนจะต้องมีใบรับรองจากแพทย์ แต่ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ไม่ใช่ดูแค่ว่าสติฟั่นเฟือน วิกลจริตหรือไม่ แต่อยู่ที่ความประพฤติของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร

“ซึ่งการจะดูความประพฤติว่าเหมาะสมหรือไม่ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่หรือแพทย์ ดูไม่ได้ ดังนั้น จึงมีการหารือกันว่า จะต้องมีคนรับรอง เช่น หากเป็นข้าราชการ ต้องมีผู้บังคับบัญชารับรอง มีความประพฤติที่ไม่เป็นภัย เช่น ไม่ดื่มสุราแล้วขาดสติ หรือเป็นคนที่มีความประพฤติ มีอารมณ์ใช้ความรุนแรง ซึ่งผู้ที่จะขออนุญาตซื้อปืนรายใหม่จะดูความประพฤติด้วย”

ส่วนคนที่มีปืนไว้ในครอบครอง จะต้องมีการทบทวน ในการที่ให้มีและใช้อาวุธปืนได้ คือมีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน (ป.4) ว่าจะมีการทบทวนระยะกี่ปี 3 ปี หรือ 5 ปี โดยให้คณะกรรมการไปกำหนด โดยให้มีการทบทวนความประพฤติว่าใช้ปืนได้หรือไม่ รวมถึงผู้ที่พ้นหน้าที่ไปแล้ว ปืนยังมีความจำเป็นหรือไม่ หากไม่จำเป็น สามารถเพิกถอนได้ แต่กรณีที่กระทำผิดจะเพิกถอนใบอนุญาตทันที

ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแปลงระเบียบใหม่ พร้อมยกตัวอย่างว่า ให้มีอาวุธปืนได้แล้วใช้ แต่ไม่ให้พกพา สื่อมวลชนต้องสร้างความเข้าใจกับสังคมด้วย ว่ามีให้ใช้ ให้อยู่ที่บ้าน ป้องกันทรัพย์สิน ไม่ได้ให้พกพาเอาไปไหน ถ้าพกพาอาจจะเพิกถอนได้ เช่น ถ้าดื่มสุราแล้วนำปืนไปด้วย ก็อาจจะเพิกถอนใบอนุญาตได้ นี่คือการเปลี่ยนแปลงในการแก้ปัญหาปืนที่อยู่ในระบบและปืนที่มีใบอนุญาต

ย้ำว่า ส่วนอาวุธเถื่อนทั้งหมด จะมีการออกกฎหมายให้มีการนำอาวุธปืนมาคืน ซึ่งเคยทำมาแล้ว แต่ครั้งนี้จะให้นำมาคืน โดยไม่มีความผิดทางอาญา แต่จะไม่ให้ขึ้นทะเบียน ส่วนถ้าใครยังครอบครอง ตำรวจจะดำเนินการอย่างเข้มงวดและเอาผิดตามกฎหมาย

สังคมไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้ไปดูสถิติว่าปืนที่มีส่วนใหญ่ที่มีการก่อเหตุ ไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่ แต่เกิดจากอาวุธเถื่อนมากที่สุด ต้องไปแก้ตรงนั้น อย่าไปสร้างกระแสให้มันผิด เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารได้บอกแล้วว่า จะมีการพิจารณาของใหม่ ผู้บังคับบัญชาต้องมีส่วนในการรับรอง แต่ถ้าคนที่มีแล้วก็ต้องมีการทบทวน เพราะบางคน เมื่ออายุระดับหนึ่ง ก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป

“อาจจะไปติดสุรา หรือทำธุรกิจแล้วล้มเหลว ทำให้มีอารมณ์ฉุนเฉียวกับคนในครอบครัว ก็ต้องประเมินและเพิกถอนใบอนุญาต พร้อมย้ำว่าให้มี ไม่ได้ให้พกปืน ส่วนการเพิกถอนผู้ที่มีใบอนุญาต มีขั้นตอนการทำอยู่แล้ว แต่ถ้ามีคุณสมบัติไม่ควรจะมีอาวุธปืน เจ้าหน้าที่รัฐจะยึดมา โดยให้ทายาทที่มีคุณสมบัติ แต่ถ้าไม่มีจะขายทอดตลาด โดยใช้คำสั่งศาล” พลเอกอนุพงษ์ กล่าว

พร้อมย้ำว่า ไม่ต้องกังวล เพราะระเบียบใหม่จะเข้มงวดกับเจ้าหน้าที่ด้วย แต่อย่าไปสร้างกระแสว่า คนที่มีปืนคือเจ้าหน้าที่รัฐทั้งหมด

สำหรับการคืนปืนเถื่อนจะมีการออกกฎหมายเป็น พ.ร.บ. เพราะอาวุธเถื่อนที่มีจำนวนมาก ถ้าไม่ดำเนินการ และไปเข้มงวดกับกลุ่มที่มีใบขออนุญาตถูกต้อง จะพลาดเป้าที่สำคัญ โดยการคืนปืนจะออกเป็นกฎหมาย ไม่ให้มีความผิดทางอาญา และอย่าใช้คำว่านิรโทษกรรม แต่ถ้าไม่คืน มีไว้ในครอบครองจะมีโทษหนัก

ภาพจาก ทำเนียบรัฐบาล, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า