SHARE

คัดลอกแล้ว

เตารีดนาบ น้ำร้อนลวก จับโกนหัว สร้างความเกลียดชัง บังคับใช้หนี้ทิพย์ 140 ล้านบาท ทั้งหมดคือความเลวร้ายที่ ‘ฮารุ’ กระทำต่ออดีตพยาบาล 3 รายผู้ตกเป็นเหยื่อมานานกว่า 3 ปี ก่อนเรื่องจะแดงและได้รับความช่วยเหลือออกมาได้เมื่อไม่นานที่ผ่านมา

คดีนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2565 แม่กับอดีตสามีของอดีตพยาบาลได้มาร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา พร้อมให้ข้อมูลกับตำรวจสืบสวนนครบาล ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุม 2 ผู้ต้องหา และให้การช่วยเหลืออดีตพยาบาล 3 คน กับลูก 2 คน อายุ 10 ขวบ กับ 7 ขวบ ซึ่งพยาบาล 1 คน กับลูก 2 คน ได้รับบาดเจ็บต้องส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่าญาติถูกมิจฉาชีพหลอกมากักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับให้ทำงาน ตำรวจได้บุกช่วยเหยื่อ 5 ราย ถูกนายฮารุ และนายตรีเพชรรัตน ใช้จิตวิทยาลวงให้หนี้อุปโลกน์ 140 ล้านบาท กักขังไว้ในคอนโด และมีการทำร้ายร่างกายเหยื่อด้วยวิธีการต่างๆ นานา ทั้งโกนผม ลวกนํ้าร้อน บังคับให้สร้างความเกลียดชังในครอบครัว 

ต่อมาตำรวจได้จับกุมตัว 2 ผู้ต้องหา คือนายฮารุ ฮวังสิริอายุ 39 ปี และนายตรีเพชรรัตน ณพชร อายุ 20 ปี ผู้นำลัทธิเถื่อน เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา คือ 1.ความผิดทางเสรีภาพ ฝืนใจผู้อื่นหรือไม่ให้กระทำการผู้อื่น 2.ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 3.ข้อหาใช้บัตร ATM ผู้อื่น ส่วนข้อหาที่เกี่ยวกับการทารุณกรรม คาดว่าจะเข้าข่ายความผิด เพราะมีการบังคับให้ผู้เสียหายทุบตีลูก และให้เรียกผู้ต้องหาว่า แม่ ส่วนข้อหาการค้ามนุษย์ อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาเพิ่มเติมว่า เข้าข่ายหรือไม่ เพราะจากพฤติกรรมแสดงให้เห็นว่า มีการสร้างหนี้ทิพย์ ขูดรีด และให้ผู้เสียหายพยายามหาเงินมาให้ หากเข้าข่ายค้ามนุษย์ ก็จะเสนอให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตรวจยึดทรัพย์สินด้วย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบพบนายฮารุมีพฤติกรรมใช้หลักจิตวิทยาข่มขู่บังคับต่างๆ นานาจนเหยื่อคล้อยตามหวาดกลัวยอมเป็นเบี้ยล่างทำงานใช้หนี้ที่อุปโลกน์ขึ้นมากว่า 140 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เหยื่อทั้งสามถูกหว่านล้อมให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับคอลลาเจน หลอกเอาทรัพย์สินไปไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท

ผู้ตกเป็นเหยื่อ เล่าว่า ได้รู้จักกับฮารุช่วงเดือน มิ.ย. 2564 มีการชักชวนให้มาลงทุนเป็นตัวแทนกระจายสินค้าคอลลาเจนและเซรั่ม แต่ระยะหลังฮารุอ้างว่าสินค้าขาดทุน ทุกคนจะต้องรับผิดชอบและหาเงินมาคืน ทำให้ผู้ตกเป็นเหยื่อขายทรัพย์สินที่มี ทั้งรถ บ้าน กู้เงินจากที่ต่างๆ รวมเป็นเงินกว่า 10,000,000 บาท นอกจากนี้ฮารุยังบังคับให้ทำงาน ในแต่ละวันต้องหายอดให้ได้ตามเป้าที่กำหนด หากไม่ได้ยอดก็จะทำร้าย ทุบตี ทารุณ ใช้เตารีดนาบที่ขา และถูกเอาน้ำร้อนที่กำลังต้มเดือดราดที่ลำตัว

นอกจากนี้ฮารุยังบังคับเหยื่อให้ตบหน้าลูก 12 ครั้ง ต้องให้ได้ยินเสียงดัง จากนั้นฮารุจะแสร้งทำตัวเป็นแม่พระ แล้วลงมาหาเด็กทั้ง 2 คน อ้างว่าแม่เป็นคนใจร้าย ไม่ดี เลยยุให้เด็ก 2 คนมาอยู่กับเขาอีกห้องพร้อมอ้างกับเหยื่อว่าจะเอาเด็ก 2 คนไปอยู่ด้วยแลกกับการปลดหนี้ 5 ล้านบาท ผ่านไป 1-2 วัน ฮารุนำเด็กมาคืนและบอกว่า จะให้โอกาสดูแลลูกอีกครั้ง แต่แลกกับการทำงานให้ดี เป็นแบบนี้หลายครั้ง

เหยื่อเล่าว่าเคยคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อคิดถึงหน้าคนในครอบครัวก็กลัวว่าจะเดือดร้อน เพราะฮารุขู่ไว้ว่าให้ระวังจะเอาเรื่องกับญาติพี่น้องด้วย จึงต้องจำทนอยู่อย่างทรมานมาหลายเดือนก่อนจะตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ กระทั่งวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจบุกเข้าไปช่วยเหลือ

อดีตพยาบาลอีกราย เล่าว่า รู้จักกับฮารุตั้งแต่ปี 63 จากการแนะนำของคนที่รู้จัก ก่อนที่ฮารุจะชักชวนทำธุรกิจขายของออนไลน์ โดยตนได้ขอเงินแม่มาทำทุน และฮารุได้เอาเงินไปกว่า 3 แสนบาท ยังต้องจำนำรถยนต์ ขายที่ดินเอาเงินมาให้ฮารุอีก รวมกว่า 1 ล้านบาท

จากการตรวจสอบประวัติของฮารุ พบมีคดีที่เกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงหลายคดี ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ล่าสุดมีผู้เสียหายแจ้งความประสงค์ เข้ามาดูตัวผู้ต้องหา และแจ้งความแล้วประมาณ 20 คน มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์จาก 3 – 4 โรงพยาบาล นอกจากนี้ยังพบว่า ฮารุ เคยเปลี่ยนชื่อมาแล้วกว่า 9 ชื่อ

ล่าสุดนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พาครอบครัวเหยื่อพยาบาลอีกรายประชุมร่วมกับสหวิชาชีพกับนักสังคมสงเคราะห์ ศูนย์พึ่งได้ รพ.ตำรวจ ในเรื่องการดูแลสภาพจิตใจของ 3 แม่ลูก จากนั้นนางปวีณาได้พาอดีตพยาบาลสาว 2 ราย พร้อมทั้งแม่ของอดีตพยาบาลที่รักษาตัวอยู่รพ.ตำรวจ เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ขอให้ช่วยติดตามคดีให้ถึงที่สุด

นางปวีณา กล่าวว่า จะเร่งให้การช่วยเหลือกับเหยื่อทั้ง 3 ราย

1.ในเรื่องการรักษาตัว เนื่องจากมีแผลที่ถูกทำร้ายตามร่างกาย รวมทั้งเหยื่อ 2 ราย เริ่มป่วยเป็นโรคไต ขาบวม อ่อนเพลีย เครียด นอนไม่หลับ และต้องฟื้นฟูสภาพจิตใจ

2.กรณีที่เหยื่อถูกหลอกจนหมดตัวต้องเป็นหนี้สินจำนวนมาก ซึ่งจะประสานกับตำรวจในการติดตามทรัพย์สินจากผู้ต้องหามาดำเนินการ

3.จะประสานกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้เหยื่อได้รับเงินเยียวยา

4.มูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ผู้เสียหายให้ได้รับความเป็นธรรมต่อไป.

 

ภาพและข้อมูลจาก  มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า