ชลบุรีเอฟซี ยกเลิกสัญญา ‘วรวุฒิ สุขุนา’ นักเตะเมา-ขับ มีผลทันที

สโมสรชลบุรี เอฟซี มีมติยกเลิกสัญญา ‘วรวุฒิ สุขุนา’ นักเตะเมาแล้วขับให้มีผลทันที เพื่อแสดงจุดยืนของสโมสร ไม่เห็นด้วยและยอมรับไม่ได้กับการกระทำของผู้รักษาประตูสโมสรชลบุรี เอฟซี กรณีอุบัติเหตุที่มาจากการเมาแล้วขับรถชน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต

จากเหตุการณ์นายวรวุฒิ สุขุนา ผู้รักษาประตู ชลบุรี เอฟซี ขับรถชนผู้ออกกำลังกาย เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน เหตุเกิดเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา บริเวณสะพานใหม่ตอนที่ 2 ถนนเลียบชายทะล ต.บ้านโขด อ.เมือง จ.ชลบุรี ตำรวจเป่าตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ 184 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

ล่าสุดวันนี้ (27 ต.ค. 2565) นายวิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสรชลบุรี เอฟซี ออกแถลงการณ์เพิ่มเติมฉบับที่ 2 ระบุว่า หลังจากมีการหารือเพิ่มเติมกันของทีมผู้บริหาร และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับข้อมูลหลักฐาน ที่มีการนำมาพิจารณาเสริม จึงมีข้อสรุปเพิ่มเติมจากแถลงการณ์ฉบับแรก จากผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ที่มีการตั้งข้อหานายวรวุฒิ สุขุนา ว่า “ขับขี่รถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บสาหัส” และจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ถึงแม้จะมีการขอประกันตัวเพื่อไปให้การกับทนายและในชั้นศาล

ซึ่งจากที่สโมสรได้แถลงบทลงโทษในฉบับแรกไปว่า “จะไม่ส่งนายวรวุฒิ สุขุนา ลงสนามในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก จนกว่าคดีจะสิ้นสุดและได้รับโทษตามกฎหมาย” จึงมีการพิจารณาบทลงโทษใหม่ โดยมีมติจากสโมสรชลบุรี เอฟซี จะทำการ “ยกเลิกสัญญา” ซึ่งมีผลทันที

และจากการออกมาแสดงความรับผิดชอบ ของผู้จัดการทีม นายศศิศ สิงห์โตทอง ผ่านคลิปวิดีโอ (https://bit.ly/3syQJTc) ที่ขอยุติบทบาท ลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมชลบุรี เอฟซี ทางผู้บริหารสโมสรเคารพการตัดสินใจ และมีมติอนุมัติให้มีผลตามประสงค์ของเจ้าตัวเช่นกัน

สุดท้ายสโมสรชลบุรี เอฟซี เน้นย้ำเรื่องการแสดงจุดยืนของสโมสร ที่ไม่เห็นด้วย และยอมรับไม่ได้กับการกระทำของ นาย วรวุฒิ สุขุนา ผู้รักษาประตูสโมสรชลบุรี เอฟซี กรณีอุบัติเหตุที่มาจากการเมาแล้วขับรถชน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต เนื่องจาก เราเป็นสโมสรกีฬาฟุตบอลที่มีความมุ่งหวังจะทำให้คนชลบุรี มีร่างกายแข็งแรง ปลอดโรค และ พฤติกรรมการเมาและขับ สวนทางกับเจตนารมณ์ที่เรามี

สโมสรยังคงยืนยันว่าจะไม่ปกป้องผู้กระทำความผิด พร้อมให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่และนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีและเป็นความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งยืนยันว่า จะควบคุมดูแล ไม่ให้นักฟุตบอล รวมไปถึงบุคลากรในสโมสร ก่อเหตุเมาแล้วขับ จนเกิดเหตุการณ์สูญเสียเช่นนี้อีกต่อไป

สำหรับแถลงการณ์ฉบับ 1 สาระสำคัญดังนี้ สโมสรชลบุรี เอฟซี ขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัว คุณกัญญา พงษ์หัสส์บรรณ ผู้เสียชีวิต และ คุณพงษ์ ผู้บาดเจ็บอย่างสุดซึ้ง ทันทีที่ทราบข่าวเหตุการณ์ทางผู้บริหารทีม และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมหารือกัน โดยมีมาตรการดังนี้

1. ผู้บริหาร และทางสโมสร ชลบุรี เอฟซี พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือ และเยียวยาผู้บาดเจ็บ ณ ขณะนี้ ที่กำลังพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาลชลบุรีและ ผู้เสียชีวิต อย่างเต็มที่

2.สโมสรชลบุรี เอฟซี ขอแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยการกระทำของ นายวรวุฒิ สุขุนา ผู้รักษาประตูสโมสรชลบุรี เอฟซี กรณีอุบัติเหตุที่มาจากเมาแล้วขับรถชน จนทำให้มีผู้เสียชีวิต เนื่องจาก เราเป็นสโมสรกีฬาฟุตบอลที่มีความมุ่งหวังจะทำให้คนชลบุรี มีร่างกายแข็งแรง ปลอดโรค และ พฤติกรรมการเมา และขับ สวนทางกับเจตนารมณ์ที่เรามี อีกทั้งยืนยันว่า จะควบคุมดูแล ไม่ให้นักฟุตบอล รวมไปถึงบุคลากรในสโมสร ก่อเหตุเมาแล้วขับ จนเกิดเหตุการณ์สูญเสียเช่นนี้อีกต่อไป

3. สโมสรขอแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยสโมสรยืนยันจะไม่ปกป้องคนกระทำความผิด พร้อมให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย อีกทั้งจะไม่ส่งนายวรวุฒิ สุขุนา ลงสนามในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก จนกว่าคดีจะสิ้นสุดและได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป

4. ส่วนนายเฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ทางสโมสรจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยในเบื้องต้นสโมสรยืนยันจะไม่ส่งลงสนามจนกว่าจะได้รับการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหรือไม่

สโมสรชลบุรี เอฟซี ขอแสดงความเสียใจจากใจจริง

https://www.facebook.com/chonburi.football.club/posts/pfbid0JpiG68sSudh66fD64Yw5zRVX4McRopfQQBVsRNXwDogL77KoSxv4DCNpim9NvDaVl

สรุปเหตุ ‘วรวุฒิ สุขุนา’ นักเตะชลบุรี เมาแล้วขับเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 26 ต.ค. 2565 นายวรวุฒิ สุขุนา นักฟุตบอล ตำแหน่งผู้รักษาประตูของสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี ก่อเหตุเมาแล้วขับ รถพุ่งชนคนที่มาเดินออกกำลังกาย เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย

พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผู้กำกับการ สภ.เมืองชลบุรี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น นายวรวุฒิให้การว่าก่อนเกิดเหตุไปนั่งดื่มที่บ้านรุ่นพี่ในสโมสรกับทีมงาน ซึ่งก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับที่พัก พยานให้การว่า ตอนนั้นนักฟุตบอลรายนี้ยังไม่เมา แต่หลังจากออกจากบ้านพัก นายวรวุฒิไปแวะซื้อเบียร์ 2 กระป๋องดื่มเองคนเดียว แล้วจึงค่อยขับรถกลับ ก่อนจะมาเกิดเหตุขับรถชนคน ส่วนจะไปดื่มที่ไหนนั้น ยังไม่ได้สอบสวนในเชิงลึก

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ ตำรวจให้เป่าตรวจวัดแอลกอฮอล์ ได้ 184 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่วรวุฒิไม่ยอมเซ็นรับทราบ

ขณะที่ประเด็นเรื่องความเร็วนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากบริเวณจุดเกิดเหตุที่เป็นสะพาน ไม่มีกล้องวงจรปิด แต่จากการสอบถามพยานในที่เกิด บอกว่าขับมาเร็วมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้ความเร็วสูงอยู่
เบื้องต้น ญาติใช้ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ อบจ. ประกันตัวไป ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากเป็นบุคคลทั่วไปสามารถทำได้หรือไม่นั้น ผู้กำกับการ สภ.เมืองชลบุรี กล่าวว่า เป็นสิทธิการประกันตัวที่สามารถกระทำได้ หากไม่มีพฤติกรรมหลบหนี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และมีบุคคลที่สามารถค้ำประกันได้ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะต้องดำเนินการตามสิทธิ

ส่วนที่มีการระบุว่า นักฟุตบอลรุ่นพี่พยายามเข้ามาเอาตัวนักฟุตบอลรายนี้ ออกจากที่เกิดเหตุนั้น จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ และมูลนิธิกู้ภัย ในที่เกิดเหตุ ยืนยันตรงกันว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน เพราะตอนแรก ตำรวจเข้าใจว่าจะมีการนำตัวคนขับไป หรือจะเปลี่ยนตัวคนขับ จึงเกิดการพูดจากัน และสื่อสารไม่เข้าใจ แต่พอตอนหลังทราบว่า เขามาดูเพื่อนว่าเกิดอะไรขึ้น และก็ปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป จึงไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องเรียกรุ่นพี่ และบุคคลที่ปรากฏในคลิปมาสอบสวนเพิ่มเติม เพราะมีการเคลียร์กันในที่เกิดเหตุแล้ว

ขณะที่เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิไตรคุณธรรม (ซำเต็กไท้) ชลบุรี เล่าว่า ขณะเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ พบนักฟุตบอลซึ่งเป็นคนขับรถยืนรออยู่ที่จุดเกิดเหตุ จากนั้นไม่นานเห็นรถฟอร์จูนเนอร์สีขาวคันหนึ่ง ขับมาจอดอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะกลับรถมา และมีชายเสื้อสีขาวลงจากรถ ก่อนที่จะมีชายเสื้อสีดำ ที่เป็นรุ่นพี่ของนักฟุตบอล เดินมาหา แล้วจึงพานักฟุตบอลไปขึ้นรถฟอร์จูนเนอร์ ตนหันไปเห็นพอดีจึงเข้าใจไปว่า มีความพยายามหลบหนี จึงวิ่งเข้าไปสอบถามรุ่นพี่ของนักบอลทั้ง 2 แต่ทั้งคู่ยืนยันว่าไม่ได้หลบหนี แต่จะพาไปนั่งในรถ จึงทำให้เกิดภาพชุลมุนขึ้นตามที่ปรากฏในคลิปข่าว เป็นเรื่องเข้าใจผิด และมีการเคลียร์กันแล้ว เพราะในตอนแรก ตนเอง รวมถึงผู้คนที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ กังวลว่าจะมีการเปลี่ยนตัวคนขับหรือพาหลบหนีเท่านั้น