พล.อ.ประยุทธ์ ยินดี 25 หน่วยงานรัฐรับรางวัล ITA บอก 8 ปี ระมัดระวังตัวเองเต็มที่ ไม่ยุ่งเกี่ยวทุจริต

พล.อ.ประยุทธ์ ยินดี 25 หน่วยงานรัฐรับรางวัล ITA จาก ป.ป.ช. พร้อมเผย 8 ปี ระมัดระวังตัวเองเต็มที่ ไม่ยุ่งเกี่ยวทุจริต

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (เลขาธิการ ป.ป.ช.)  นำคณะผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ที่ได้รับโล่เกียรติยศรางวัลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity & Transparency Assessment : ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เข้ารับมอบโล่เกียรติยศฯ รวม 25 รางวัล จากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันนี้ (3 พ.ย. 65)

โดยมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายภักดี โพธิศิริ ประธานกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร คณะกรรมการป.ปช. เข้าร่วม

พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับหน่วยงานที่ได้รับรางวัล ซึ่งเป็นสิ่งยืนยันความสำเร็จ และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ ในการพัฒนางานด้านการป้องกันการทุจริตของประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยรัฐบาลได้ร่วมมือกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง และการประเมิน ITA นับเป็นมาตรการสำคัญที่มุ่งเน้นการพัฒนาและปรับปรุงหน่วยงานภาครัฐให้มีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล มีมาตรฐานการปฏิบัติราชการและการให้บริการประชาชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ เป็นที่ยอมรับของสาธารณชนทั่วไป โดยขอให้ทุกหน่วยงานรักษามาตรฐานการดำเนินงาน เพื่อเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของหน่วยงานภาครัฐ พร้อมกับพัฒนาการสร้างธรรมาภิบาลให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป อันจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่หน่วยงานต่างๆ พร้อมทั้งขอให้ร่วมมือกันขยายองค์ความรู้ในการดำเนินงานให้แก่หน่วยงานอื่นๆ เพื่อร่วมกันเป็นกำลังสำคัญในการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ภาครัฐและประชาชนตลอดไป

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ยืนยัน รัฐบาลมีเจตนารมณ์ในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่มาโดยตลอด และจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุด ขอให้ทุกคน ทุกฝ่าย ช่วยกันแก้ไขปัญหาเพื่อให้ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนและนานาประเทศ รวมทั้งช่วยกันรักษามาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ก่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติต่อไป

“รัฐบาลพร้อมจะร่วมมือกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะขับเคลื่อนงานด้านการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตมาอย่างต่อเนื่อง แล้วก็ทราบว่า การประเมิน ITA ถือว่าเป็นมาตรการสำคัญ เราจะต้องมุ่งเน้น และพัฒนาปรับปรุง หน่วยงานภาครัฐ ให้มีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล มีมาตรฐานในการปฏิบัติราชการ และการให้บริการประชาชน โดยไม่เลือกปฏิบัติ และต้องเป็นที่ยอมรับของประชาชนโดยทั่วไป”

“มีคนเกี่ยวข้องมากมาย ในการทำงานของพวกเราไม่ใช่สิ่งที่ง่ายนัก แต่ผมในส่วนของรัฐบาลพยายามจะทำอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะตัวผมเองนั้น มีเจตนารมณ์ในการที่จะต้องแก้ปัญหาการทุจริตให้มากที่สุด หรือไม่ให้มีเหลืออีกเลย นั่นคือตัวผม และผมเองก็ระมัดระวังตัวเองอย่างเต็มที่ ที่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ไปก้าวล่วง ไม่ไปอะไรต่างๆ เหล่านี้ นั่นคือเจตนารมณ์ของผม แล้วผมก็ยืนยันว่า ผมทำอย่างนี้มาโดยตลอด ระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา แล้วก็หวังว่าพวกเราทุกคนจะช่วยกัน มีปัญหากันตรงไหนก็แก้กันตรงนั้น แล้วทำยังไงเราจะได้รับความเชื่อมั่น ความไว้วางใจจากประชาชน ของคนในชาติของเราซึ่งวันนี้ก็มีหลายเรื่องพอสมควรในเรื่องของความเข้าใจ”

“เพราะฉะนั้นผมก็คิดว่าทางป.ป.ช. ต้องรักษามาตรฐานให้แก่หน่วยงานให้ได้ เพื่อเป็นภาพลักษณ์ที่ดี ทั้งในส่วนของหน่วยงานภาครัฐ  พร้อมกันไปกับพัฒนา การสร้างธรรมาภิบาลภาครัฐให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป วันนี้ก็ขอให้ทุกคนรักษา ความดีอันนี้ไว้ ทำต่อไป เรื่อยๆ เรื่อยๆ และขณะเดียวกันก็ชักชวนเพื่อนฝูงพี่น้องต่างๆ มาช่วยกันทำตามไป ก็จะทำให้ประเทศไทยมีชื่อเสียงได้รับการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย วันนี้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ว่าจะเรื่องของบ้านเมือง เรื่องของการพัฒนา การลุงทน”

ปัจจุบันปัญหาที่เป็นวิกฤติแห่งปัญหาก็เกิดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งในเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเดิมๆ ถึงวันนี้ก็เรื่องสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ความขัดแย้งอะไรตามมาอีก สิ่งสำคัญที่สุดวันนี้ รัฐบาลก็ต้องเร่งแก้ไข เรื่องของการ แก้ปัญหาโลกร้อน คาร์บอนฯ อะไรต่างๆ เหล่านี้ ซึ่งรัฐบาลเอง โดยผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล พยายามจะทำทุกเรื่องนำมาขับเคลื่อนในเรื่องเหล่านี้ หลายอย่างก็ ประชาชนก็อาจจะเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง เข้าใจมาก เข้าใจน้อย แต่รัฐบาลยืนยันว่า จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทั้งนี้เพื่อจะตอบรับกับกระแสสังคม และพร้อมที่จะตอบรับกับความร่วมมือต่างๆ จากภายนอกประเทศ ซึ่งมันมีปัญหาทั้งหมดนั่นแหละ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ จะทำอย่างไร  จะทำให้กลไกของเรา องค์กรของเรา  เป็นองค์กรที่สะอาด เป็นองค์กรที่มีธรรมาภิบาล  เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ก็ต้อง  ทำทั้ง 2 อย่าง ทั้งการสร้างการรับรู้  แนวปฏิบัติ หลักการ กฎหมายอะไรต่างๆ แล้วก็แนะนำ แล้วก็ทางนี้ก็ระมัดระวังอย่างที่สุด เพราะว่ามัน หน่วยงานตรวจสอบมันเยอะมากในปัจจุบัน”

“ผมก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง ในเรื่องของกระบวนการอะไรเลย เป็นเรื่องของอำนาจที่มันคนละอำนาจกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นผมจะไม่ไปเกี่ยวข้อง ผมจะมีหน้าที่ในการบริหารราชการให้โปร่งใสให้ดีที่สุดอย่างที่ผมตั้งใจไว้ การที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี มันจะดูยาวนาน แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผมนิดนึงว่าผมพยายามทำทุกอย่างด้วยเจตนาบริสุทธิ์ของผม เพราะฉะนั้นอันนี้ก็ต้องฝากเรื่องเหล่านี้ไว้กับทางป.ป.ช.ว่า ทำไงให้เกิดการยอมรับ ให้เป็นกลไก เป็นหน่วยงาน องค์กรอิสระ ที่ได้รับความเชื่อมั่นเชื่อถือ อันนี้ก็ขอให้ทุกท่านได้ช่วยกัน แล้วก็ทำอย่างไรให้หน่วยงานที่เหลือหรือยังไม่ผ่านเกณฑ์  ต่ำกว่า 85 ใช่ไหม แล้วตอนนี้ก็ยังมาไม่ครบ อันนี้มันสมัครใจด้วยใช่ไหมก็อยากให้ทุกหน่วยงานมาให้ครบและมีอีกหลายหน่วยงาน…” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่ง

สำหรับหน่วยที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ ประกอบด้วย

1. หน่วยงานที่มีผลการประเมินฯ สูงที่สุด จำนวน 11 รางวัล ได้แก่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, กรมการปกครอง ธนาคารอาคารสงเคราะห์, องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน), สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ, มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี, จ.อ่างทอง องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร, เทศบาลตำบลจังหาร (จ.ร้อยเอ็ด), องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านพลับ (จ.พระนครศรีอยุธยา) และองค์การบริหารส่วนตำบลโคกสะอาด (จ,สระบุรี)

2. หน่วยงานที่มีพัฒนาการสูงที่สุด จำนวน 10 รางวัล ได้แก่ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา, กรมการขนส่งทางราง, องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย, สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน), สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, จ.กำแพงเพชร, องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท, เทศบาลตำบลน้ำปลีก (จ.อำนาจเจริญ) และองค์การบริหารส่วนตำบลหมูม้น จังหวัดร้อยเอ็ด

3. จังหวัดที่มีการขับเคลื่อนการประเมิน ITA บรรลุเป้าหมายสูงสุด จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ จ.นครสวรรค์, จ.บึงกาฬ, จ.สิงห์บุรี และ จ.ภูเก็ต

ที่มา :

ภาพจาก : ทำเนียบรัฐบาล