เจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีน ถึงแก่อสัญกรรม ในวัย 96 ปี

เจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดีจีน ถึงแก่อสัญกรรม ในวัย 96 ปี ด้วยโรคลูคีเมียและอวัยวะหลายส่วนล้มเหลว 

สำนักข่าวซินหัวสื่อของรัฐบาลจีนรายงานว่า อดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ถึงแก่อสัญกรรม จากโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย (Leukemia) และอวัยวะหลายส่วนในร่างกายล้มเหลว เมื่อเวลา 13.12 น. ตามเวลาท้องถิ่น (12.12 น. ตามเวลาไทย) ของวันที่ 30 พ.ย. ที่นครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของอดีตผู้นำ

 รัฐบาลจีนระบุในแถลงการณ์ว่า การประกาศนี้เป็นไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง “การเสียชีวิตของสหายเจียง เจ๋อหมิน เป็นความสูญเสียอันประเมินค่ามิได้ของพรรคเรา กองทัพของเรา และประชาชนจากทุกกลุ่มชาติพันธุ์ของเรา” 

“สหายเจียง เจ๋อหมิน เป็นที่รักของเรา ทั้งในฐานะผู้นำที่มีเกียรติสูงยิ่ง มาร์กซิสต์ผู้ยิ่งใหญ่ รัฐบุรุษ นักยุทธศาสตร์ นักการทูต นักการทหาร และนักต่อสู้คอมมิวนิสต์ที่ผ่านการพิสูจน์มายาวนาน” 

โดยรัฐบาลจีน ได้สั่งการให้อาคารสถานที่ราชการต่างๆ ลดธงชาติลงครึ่งเสาเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับอดีตผู้นำด้วย

ทั้งนี้ เจียง เจ๋อหมิน ก้าวขึ้นเป็นผู้นำจีน ต่อจากอดีตประธานาธิบดีเติ้ง เสี่ยวผิง ในปี 2536 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จีนกำลังผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจของโลก 

การขึ้นสู่อำนาจในเวลาเพียงไม่นานหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ปราบปรามประชาชนที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ทำให้ อดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน ถูกวางตำแหน่งเป็นผู้นำที่มีแนวทางประนีประนอม ท่ามกลางความขัดแย้งภายในประเทศ และเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาคมโลก 

หนึ่งในผลงานสำคัญของอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน คือ การที่จีนได้รับมอบเกาะฮ่องกงคืนจากอังกฤษอย่างสงบเรียบร้อยในปี 2540 และเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ในปี 2544 ก่อนที่เจียงจะก้าวลงจากตำแหน่งในปี 2546 อีกทั้งเขายังเป็นผู้กรุยทางให้จีนได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงปักกิ่งในปี 2551 ด้วย 

การถึงแก่อสัญกรรมของ อดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน เกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังเผชิญกับเหตุการณ์ประท้วงรุนแรงครั้งใหญ่สุด นับตั้งแต่การประท้วงที่เทียนอันเหมิน เพื่อต่อต้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีน

ที่มา 

https://english.news.cn/20221130/3f7eec6b164c466bb94338aa2c93221d/c.html

https://www.reuters.com/world/china/former-chinese-president-jiang-zemin-has-died-state-media-2022-11-30/