จีนเร่งเตรียมโรงพยาบาลรับมือผู้ป่วยโควิด ยอมรับสถานการณ์ประเมินยาก เพราะไม่รู้ยอดติดเชื้อจริง

จีนเร่งเพิ่มจำนวนเตียงในโรงพยาบาล เตรียมพร้อมรับมือผู้ป่วยโควิด-19 พุ่ง หลังยกเลิกนโยบายควบคุมโรคเข้มงวด ขณะรัฐบาลยอมรับประเมินสถานการณ์ยาก เนื่องจากไม่สามารถติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงได้ 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมืองต่างๆ ทั่วประเทศจีนกำลังเร่งดำเนินการเพิ่มเตียงในโรงพยาบาล และสร้างคลินิกตรวจรักษาโรคเพิ่มขึ้น เพื่อเตรียมการรับมือกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังรัฐบาลตัดสินใจปลดล็อกมาตรการควบคุมโรคเข้มงวดที่บังคับใช้มานาน 3 ปี จากชนวนการประท้วงครั้งใหญ่ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในการดำเนินชีวิต 

การปลดล็อกมาตรการคุมโควิด-19 ของจีนได้สร้างความกังวลว่า อาจทำให้ประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกที่มีประชากร 1.4 พันล้านคนแห่งนี้ ต้องเผชิญกับการระบาดระลอกใหญ่ ในขณะที่ประชาชนยังขาดภูมิคุ้มกันหมู่เนื่องจากการปิดประเทศเป็นเวลานาน และอัตราการฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุยังอยู่ในระดับต่ำ 

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เปิดเผยในวันนี้ (20 ธ.ค.) ว่า จีนพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 5 ราย เมื่อวันจันทร์ (19 ธ.ค.) หลังจากมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ในวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในขณะนี้อยู่ที่ 52,542 ราย ขณะผู้ป่วยรายใหม่ที่พบในวันจันทร์อยู่ที่ 2,722 ราย เพิ่มขึ้นจากยอดป่วย 1,995 รายของวันอาทิตย์ ทำให้ตั้งแต่เกิดการระบาดจนถึงวันที่ 19 ธ.ค. จีนมีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันแล้ว 383,175 ราย ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่น้อยมากเมื่อเทียบเป็นสัดส่วนกับจำนวนประชากรทั่วประเทศ 

อย่างไรก็ตาม ยอดติดเชื้อและเสียชีวิตจากโควิด-19 ในจีนที่มีการเปิดเผยออกมาในปัจจุบัน กำลังถูกตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือของการรายงาน รวมถึงประสิทธิภาพในการติดตามโรคของรัฐบาล ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าตัวเลขดังกล่าวนี้ อาจจะน้อยกว่าความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เนื่องจากหลังมีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด ทำให้การดำเนินการตรวจหาเชื้อลดลง และรัฐบาลได้ออกมาประกาศไม่นับรวมผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการไว้ในยอดติดเชื้อที่มีการรายงานของทางการ 

สื่อต่างประเทศหลายสำนักที่เฝ้าเกาะติดสถานการณ์ในจีน รายงานบรรยากาศที่พบเห็นในเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า บรรยากาศในหลายเมืองเป็นไปด้วยความเงียบเหงา เพราะประชาชนบางส่วนต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเนื่องจากติดเชื้อ และบางส่วนไม่กล้าออกจากบ้านเพราะความกลัว ในขณะที่ร้านขายยาหลายแห่งขาดแคลนยารักษาโรคพื้นฐาน อย่างอาการหวัด ไข้ ไอ เจ็บคอ 

ขณะเดียวกัน บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมของจีนอย่าง Weibo และ Baidu เสิร์ชเอนจิ้นชื่อดัง ต่างถูกพบว่ามีการพูดถึง และหาสถานที่จัดงานศพ สถานที่เผาศพในกรุงปักกิ่งพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระบาด 

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยออกมาจากผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์สว่า พวกเขาได้พบเห็นรถบรรทุกศพเข้าคิวยาวอยู่หน้าฌาปนสถานแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ที่ถูกกำหนดไว้ให้ใช้เผาศพผู้ป่วยโควิด-19 โดยมีเจ้าหน้าที่สวมชุดป้องกันโรคเต็มรูปแบบทยอยออกมารับร่างผู้เสียชีวิตเข้าไปด้านใน แต่ผู้สื่อข่าวไม่สามารถยืนยันได้ในทันทีว่าผู้เสียชีวิตที่เห็นติดโควิดหรือไม่ 

ในอีกด้านหนึ่ง หลายเมืองทั่วประเทศจีนต่างก็เริ่มประกาศให้นักเรียนเรียนออนไลน์กันเพิ่มขึ้น เช่นที่นครเซี่ยงไฮ้ เริ่มให้มีการเรียนออนไลน์มาตั้งแต่วันจันทร์ ขณะที่นครกว่างโจว ได้ประกาศให้นักเรียนที่เรียนออนไลน์มาก่อนหน้านี้ รวมถึงเด็กก่อนวัยเรียน ให้เรียนออนไลน์ต่อไปอย่างไม่มีกำหนด และยังไม่ต้องเตรียมตัวกลับเข้าไปเรียนในโรงเรียน 

บรรยากาศดังกล่าวสวนทางกับที่รัฐบาลพยายามผ่อนคลายมาตรการคุมโรคอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดหลายเมือง เริ่มที่จะอนุญาตให้ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ หรือมีอาการเล็กน้อย สามารถไปทำงานได้ตามปกติ ซึ่งนับเป็นการกลับลำนโยบายอย่างสิ้นเชิงในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพิ่งมีการสั่งล็อกดาวน์ประชาชนจำนวนมากในทุกพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อแม้เพียงคนเดียวก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขบางรายประเมินว่า การกลับลำนโยบายคุมโควิดอย่างกะทันหันของรัฐบาลจีน อาจทำให้ชาวจีนมากกว่า 60% หรือเทียบเท่า 10% ของประชากรทั่วโลก ติดเชื้อโควิด-19 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และอาจมีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเป็นหลักล้านราย เนื่องจากยังไม่มีความพร้อมมากพอ ทั้งในเรื่องการฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุ การสำรองยารักษาโรคในคลัง รวมถึงการเตรียมความพร้อมของระบบสาธารณสุขในการรับมือหากมีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงซึ่งทำการศึกษาสถานการณ์ในขณะนี้ โดยได้รับทุนบางส่วนจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคจีน (China CDC) และรัฐบาลฮ่องกง ได้วาดแบบจำลองสถานการณ์ในจีนจากเงื่อนไขข้างต้นดังกล่าว คาดว่าการผ่อนปรนมาตรการควบคุมของจีนจะทำให้มีประชากรเสียชีวิต 684 รายในทุก 1 ล้านคน ซึ่งเมื่อคำนวณกับจำนวนประชากร 1.4 พันล้านคนแล้ว เท่ากับว่าจีนจะมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 964,400 ราย และการยกเลิกข้อจำกัดพร้อมกันในทุกเมืองทั่วประเทศ จะทำให้ความต้องการการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 1.5-2.5 เท่าของความจุโรงพยาบาลที่มีอยู่ 

การประเมินดังกล่าวเป็นการประเมินในกรณีที่เลวร้ายสุด (Worst Case) โดยนักวิจัยชี้ว่ากรณีนี้สามารถเลี่ยงได้ หากจีนดำเนินการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทั้งเข็มหลักและเข้มกระตุ้นให้ประชาชนได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง และมีการสำรองยาสำหรับการรักษาอาการและยาต้านไวรัสให้เพียงพอ ซึ่งจากการประเมินของนักวิจัย จีนจะต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้ 85% ของประชากรทั้งหมด และมียาสำรองไว้ในคลังอย่างน้อย 60% จึงจะสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงได้ 26-35% 

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในขณะนี้อยู่ที่การประเมินสถานการณ์การระบาดที่แท้จริงจากตัวเลขที่มีการเปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ ในขณะที่รัฐบาลจีนเองก็ยอมรับว่าไม่สามารถติดตามจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงได้อีกต่อไป โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ เนื่องจากเมืองต่างๆ ได้ยกเลิกการตรวจหาเชื้อให้กับประชาชนวงกว้าง และอนุญาตให้ประชาชนใช้การตรวจแอนติเจน และแยกกักตัวที่บ้านแทน 

ที่มา Reuters, CNN