กัมพูชาพบ ‘โลมาอิรวดี’ ติดตะขอเบ็ดตาย 11 ตัวในปีนี้ สลดพบซากโลมาตาย 3 ตัวในเวลาเพียง 7 วัน รวม 3 ปี มีโลมาอิรวดีตายจากการทำประมงผิดกฎหมายแล้ว 29 ตัว ย้ำเป็นวิกฤตใกล้สูญพันธุ์เต็มที่ หากยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ประจำกัมพูชา ออกมาแถลงเมื่อวานนี้ (25 ธ.ค.) ว่า พบโลมาอิรวดีหรือโลมาแม่น้ำโขง สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ติดตะขอเบ็ดราวจนตายในจังหวัดกระแจะทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ส่งผลให้มีโลมาอิรวดีตายในปีนี้รวมอยู่ที่ 11 ตัวแล้ว
ซากโลมาอิรวดีตัวล่าสุดถูกพบเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. ที่ผ่านมา โดยจากการตรวจสอบของ WWF และทีมวิจัยของสำนักบริหารประมงกระแจะ พบว่า โลมาที่ตายเป็นโลมาเพศเมียโตเต็มวัย ความยาว 196 เซนติเมตร น้ำหนัก 93 กิโลกรัม และมีอายุระหว่าง 7-10 ปี
ทีมตรวจสอบระบุว่า ซากของโลมาที่ถูกพบตัวล่าสุดนี้ มีร่องรอยตะขอเบ็ดราวพันรอบตัว หาง และครีบ โดยนับเป็นโลมาสุขภาพดีตัวที่ 3 ที่ตายในรอบ 7 วัน ซึ่งบ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่กำลังน่าวิตกมากขึ้น และมีความจำเป็นเร่งด่วนในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในถิ่นที่อยู่ของโลมา
WWF เผยในรายงานว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีโลมาอิรวดีตายในน่านน้ำของกัมพูชารวม 29 ตัว พร้อมกับเรียกร้องไปยังรัฐบาล ให้เพิ่มการลาดตระเวนทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อปกป้องโลมาที่เหลือจากการถูกฆ่าโดยการทำประมงผิดกฎหมายในพื้นที่อนุรักษ์
แสงเตี๊ยก ผู้อำนวยการ WWF ประจำกัมพูชา กล่าวว่า “กิจกรรมประมงผิดกฎหมายที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่นานนี้ในพื้นที่อนุรักษ์โลมาจะทำให้โลมาอิรวดีในกัมพูชาสูญพันธุ์ หากไม่มีการดำเนินการเพื่อยุติกิจกรรมเหล่านี้ในทันที”
ทั้งนี้ โลมาอิรวดี หรือที่รู้จักในชื่อ โลมาแม่น้ำโขง เป็นสัตว์ที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งมีชีวิตใกล้สูญพันธุ์ขั้นวิกฤต ในบัญชีแดงของสหภาพระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ตั้งแต่ปี 2547 ปัจจุบันโลมาอิรวดีในกัมพูชาถูกพบอยู่ในช่องทางหลักของแม่น้ำโขงที่มีความยาว 190 กิโลเมตรช่วงจังหวัดกระแจะและจังหวัดสตึงแตรงทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ