Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นดรามาตำรวจไทยถูกกล่าวหารีดไถเงิน ดาราสาวชาวไต้หวัน ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา มีการระบุข้อมูลไม่ตรงกัน ระหว่างตำรวจและดาราสาว 

สำนักข่าว TODAY ไล่เรียงไทม์ไลน์ตั้งแต่ต้นถึงปัจจุบัน หลังจากมีหลักฐานออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 สั่ง ให้ตำรวจ สน.ห้วยขวาง 7 นาย ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดยขาดจากตำแหน่งเดิม

  • เดินทางเข้าประเทศไทย

เริ่มจากวันที่ 29 ธ.ค. 2565 ดาราสาวไต้หวัน อันยู๋ชิง หรือ Charlene An เดินทางถึงประเทศไทย มีการไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ 

วันที่ 4 ม.ค. 2566 ถูกตำรวจเรียกตรวจ ซึ่งตามข่าวในเวลาต่อมา เธอบอกว่าถูกตำรวจรีดไถเงิน 27,000 บาท และในวันที่ 5 ม.ค. 2566 เดินทางกลับไต้หวัน 

  • เรื่องแดงหลังเพจดังออกมาเปิดข้อมูล 

เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดัง หลังจากในวันที่ 25 ม.ค. 2566 เพจหนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว เผยแพร่เรื่องราว บอกว่ามีลูกเพจส่งข่าวมา ขอให้ช่วยแปลข่าวนี้ พอไปเช็กหลายเว็บข่าวในไต้หวัน พบว่า หลายสื่อได้ลงจริง

โดยสรุปใจความว่า เหตุเกิดเมื่อต้นปี เดือนมกราคมที่ผ่านมา ดาราสาวไต้หวัน อันยู๋ชิง หรือ Charlene An ได้โพสต์ลงอินสตาแกรมจนกลายเป็นข่าวดังในไต้หวัน เมื่อช่วงต้นมกราคมที่ผ่านมา ว่าเธอได้เดินทางไปไทย เพื่อฉลองงานปีใหม่กับเพื่อนๆ 

ในวันที่ 4 ม.ค. 2566 เธอนั่งรถแท็กซี่กับเพื่อนๆ กลับโรงแรม ช่วงราว 01.00 น. ถูกตำรวจที่ตั้งด่านเรียกให้หยุดรถและขอค้นตัว ค้นกระเป๋า ขอดูวีซ่า ดาราสาวไต้หวันจึงส่งวีซ่า VOA หรือ Visa on Arrival  (วีซ่าที่ขอที่สนามบินเมื่อมาถึง เพื่อขออนุญาตเข้าประเทศอย่างถูกต้อง) แต่ตำรวจบอกว่าต้องใช้วีซ่าจริงๆ ที่มีตราและพิมพ์เท่านั้น เพื่อนในกลุ่มได้ใช้โทรศัพท์อัดคลิป และจะโทรขอความช่วยเหลือ กลับถูกขู่ให้เอาโทรศัพท์ลง และลบคลิป

เธอบอกว่า ตอนนั้นราวกับในหนังพวกเม็กซิกันที่จับคนค้ายา แต่เธอเป็นนักท่องเที่ยว ทำแทบทุกอย่างแต่ก็ไม่ยอมปล่อยเธอ จนเธองงว่าเธอทำผิดอะไร

  • ยื้อ 2 ชั่วโมง ก่อนจ่าย 27,000 บาท ถึงปล่อยตัว

ยื้ออยู่ราว 2 ชั่วโมง ตำรวจได้พาเธอไปที่ลับตาคน โดยมีการหลบกล้อง cctv หน้าสถานทูตจีน แล้วบอกว่า “ทั้งหมดในรถต้องจ่ายมา 27,000 บาท ถึงจะยอมปล่อย” พอเธอกับเพื่อนๆ ยอมจ่ายเงิน ตำรวจจึงเรียกแท็กซี่ให้พวกเธอกลับโรงแรม

  • ตำรวจยืนยันไม่มีการเรียกรับเงิน

วันที่ 26 ม.ค. 2566 พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง กล่าวว่า หลังทราบข่าวดังกล่าว กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ตามปกติในพื้นที่ดังกล่าวไม่มีการตั้งด่านตรวจของ สน.ห้วยขวาง ในจุดนั้น ทั้งนี้ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อยืนยันความชัดเจนอีกครั้ง

แต่ต่อมา พล.ต.อ.สำเริง สวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางมาติดตามข้อเท็จจริง ที่ สน.ห้วยขวาง ระบุว่า จากการสอบถามกับตำรวจนครบาลห้วยขวาง ทั้ง 6 -​ 7 นาย ที่เข้าให้ข้อมูลยืนยัน ไม่มีการเรียกรับเงินนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน

แต่ตำรวจชุดนี้ ยอมรับว่า มีการโต้เถียง เนื่องจากขอเรียกตรวจสอบหนังสือเดินทาง แต่นักท่องเที่ยวไต้หวันคนนี้ มีอาการมึนเมา และอ้างว่า ไม่ได้พกพาหนังสือเดินทางติดตัวมาด้วย โดยอ้างว่าสามารถให้เพื่อนนำมาจากที่พัก มาให้ตำรวจตรวจสอบได้ 

แต่เนื่องจากการสื่อสารและภาษาไม่เข้าใจกัน ประกอบกับในเวลาดังกล่าว เป็นช่วงใกล้เวลาของการยกเลิกจุดตรวจ ว. 43 เคลื่อนที่ จึงอนุญาตให้นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวกลับไปก่อน เนื่องจากหัวหน้าชุดจุดตรวจ ประเมินแล้วว่า ไม่น่าจะเป็นบุคคลที่เป็นภัยหรือเป็นอันตราย

ส่วนกรณีพบบุหรี่ไฟฟ้า ที่ตัวของนักท่องเที่ยวไต้หวันคนนี้ ยอมรับว่า ตำรวจไม่ได้มีการจับปรับ แต่ได้ชี้แจงว่า บุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดตามกฎหมายของประเทศไทย 

พ.ต.อ.ยิ่งยศ ยังยืนยันว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดในจุดต่างๆ เพื่อมาหักล้างและยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ ตามที่นักท่องเที่ยวคนนี้กล่าวอ้าง ส่วนที่มีการบอกว่าตำรวจให้ลบคลิปในโทรศัพท์ของนักท่องเที่ยวนั้น ไม่มีข้อมูลว่าจริงหรือไม่ 

  • ดาราสาวไต้หวันโต้กลับ “ไม่ได้เมา”

ต่อมาวันที่ 27 ม.ค. 2566 ดาราสาวไต้หวัน โพสต์ไอจีสตอรี่ ยืนยันว่า “เธอไม่ได้ดื่มเลย” 

ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวฝั่งตำรวจไทย ที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีกับ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง นานเกือบ 2 ชั่วโมง

  • คนขับแกร็บ ข้อมูลขัดแย้ง ยันดาราไต้หวัน เมา 100%

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายวิเชษฐ์ อายุ 40 ปี ผู้ขับขี่รถสาธารณะ (แกร็บ) ได้เดินทางมาให้ปากคำ ระบุว่าได้รับผู้โดยสารมาจากสถานบันเทิงย่านอาร์ซีเอ เป็นชาย 3 หญิง 1 เพื่อไปส่งที่พัก เมื่อขึ้นรถมาแล้วหญิงสาวมีลักษณะมึนเมาได้พูดจาโวยวายภายในรถ ส่วนที่เจ้าตัวออกมาชี้แจงผ่านอินสตาแกรมว่าไม่ได้ดื่ม ตนยืนยันได้ว่า เมา 100%

และยังบอกอีกว่า ระหว่างตรวจค้น ตนไม่ค่อยได้หันไปมอง จะหันไปเฉพาะเวลาได้ยินเสียงผู้หญิงโวยวายเป็นภาษาจีนเสียงดังใส่ตำรวจ ซึ่งตำรวจก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร และก็ไม่เห็นว่าผู้โดยสารมีการพยายามจะถ่ายคลิป จากนั้น ผู้โดยสารผู้ชายที่พูดไทยได้ ได้เดินมาหาตนแล้วจ่ายเงิน 80 บาท ตนก็ขับรถออกมา

ยืนยันว่า ระหว่างที่จอดรถอยู่ในด่าน ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ ตำรวจตรวจค้นปกติ เป็นที่โล่งริมถนน ส่วนผู้โดยสารมีบุหรี่ไฟฟ้าจริงหรือไม่ ตนไม่ได้สังเกต ขณะที่ประเด็นเรื่องกล้องหน้ารถ ไฟล์ภาพถูกลบไปแล้วเพราะตนจะฟอร์แมตทุก 7 วัน แต่ก็ได้นำเมมโมรี่การ์ดให้ตำรวจนำไปตรวจสอบแล้ว

  • ตำรวจเปิดไทม์ไลน์กล้องวงจรปิด 

ต่อมาวันที่ 28 ม.ค. 2566 ตำรวจเปิดเผยข้อมูลไทม์ไลน์ กล้องวงจรปิด พบว่า มีความขัดแย้งกับที่ดาราสาวระบุก่อนหน้านี้ ว่า ถูกตำรวจเรียกตรวจนาน 2 ชั่วโมง แต่จากภาพกล้องวงจรปิดพบว่าขณะอยู่ที่ด่านใช้เวลาเพียง 47 นาที    

ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการเพิ่มเติมให้หาหลักฐาน ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้ข้อมูลครบถ้วนทุกประเด็น ยืนยันไม่เข้าข้างใคร และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

ในวันเดียวกัน ดาราสาวไต้หวัน เคลื่อนไหวผ่านไอจีสตอรี่ ระบุว่ามันยิ่งแย่และบิดเบือนขึ้นเรื่อยๆ

  • ตำรวจยังยืนยัน ไม่มีหลักฐานเรียกรับเงิน-กระทบภาพลักษณ์ตำรวจไทย

วันที่ 29 ม.ค. 2566 ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้า พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังการประชุม ยืนยันว่าขณะนี้ สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประจำด่านตรวจ 6-7 คน, คนขับแกร็บคาร์, คนขับรถแท็กซี่ และพยานจากสถานบันเทิงที่นักท่องเที่ยวสาวไปใช้บริการอีกจำนวนหนึ่ง 

เบื้องต้นยังไม่พบหลักฐานว่ามีการเรียกรับเงินตามถูกกล่าวอ้าง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบวัตถุพยาน ทั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ กล้องหน้ารถของคนขับแกร็บ และกล้องที่ติดตัวของตำรวจ ทั้งหมดถูกส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานแล้ว และการตรวจค้นพบบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย สามารถดำเนินคดีได้ตามพ.ร.บ.ศุลกากร ยืนยันว่าไม่มีใครยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้สาวชาวไต้หวันตามที่กล่าวอ้าง 

พล.ต.ต.จิรสันต์ ยังบอกอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทบถึงความเชื่อมั่นในการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงต้องการให้สาวชาวไต้หวัน รวมถึงพยานเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงกับตำรวจเพื่อให้กระจ่างมากขึ้น 

ยืนยันว่าไม่ได้ปกป้องหรือทำลายพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดดังกล่าว ทั้งนี้หากพบว่ามีการรีดทรัพย์สาวชาวไต้หวันจริงก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้นทางวินัยและอาญา

  • ‘ชูวิทย์’ แฉมีตำรวจที่ตั้งด่านยอมรับแล้วรีดเงินจริง

30 ม.ค. 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก สรุปใจความว่า หลังจากที่ ผบช.น. ให้โฆษกฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้ว ไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์ แต่ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนไทย แฟนเป็นคนสิงคโปร์ ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวัน ให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง 

และมีคลิปยืนยันด้วย เพราะเห็นว่าการแถลงข่าวของนครบาลยังปากแข็ง ไม่ยอมรับ ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่าน เพิ่งรับสารภาพสดๆ ร้อนๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง

นายชูวิทย์ยังระบุว่า ก่อนหน้านี้ ผบช.น.ใช้ให้ลูกน้องไปวางแผนทำขายขี้หน้า หลายเรื่อง

 -ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน

-ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่าน

-กล่อมให้คนขับแกร็บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ

-ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน

-ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง  

ในโพสต์ดังกล่าวยังระบุอีกว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเห็นท่าไม่ดี สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การฯ ศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนเพื่อไปสอบปากคำจากดาราสาวไต้หวัน พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทด้วยตัวเอง ทีม บช.น. จึงชิงกลับลำ ให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้ง 

  • เด้งฟ้าผ่า ผกก.สน.ห้วยขวาง

ต่อมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการด่วน ให้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสั่ง ผกก.สน.ห้วยขวาง ช่วยราชการ หลังจากมีข้อมูลว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันถูกเรียกรับเงิน 

  • ตร.ชี้แจงเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าและเรื่องรีดไถเงิน 

ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ออกมาแถลงด้วยตัวเองอีกรอบ ระบุว่า หลังจากที่เมื่อวานนี้มีการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว คณะกรรมการมีความเห็นว่าควรดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในด่านในกรณีที่ละเว้นไม่ดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวที่ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ได้ให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และให้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด 

ส่วนประเด็นเรื่องการรีดเงินจากนักท่องเที่ยว ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินคดีในส่วนดังกล่าวเพราะยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

  • ยันไม่มีการสั่งลบคลิป

ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ โพสต์ข้อความว่า ตำรวจมีการทำลายภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าสถานทูตจีน และภาพจากกล้องที่ติดตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่เป็นความจริงเพราะภาพจากกล้องวงจรปิดที่บริเวณหน้าสถานทูตจีนยังคงเก็บรักษาต้นฉบับไว้ที่กรุงเทพฯ ไม่มีใครสามารถไปแก้ไขได้

ส่วนภาพจากกล้องที่ติดตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่าไม่ได้มีการสั่งลบหรือสั่งทำลาย แต่ได้ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบเช่นเดียวกันว่า มีการตัดต่อดัดแปลงลบคลิปหรือไม่ และหากเป็นการถูกบันทึกซ้ำก็ได้สั่งให้กู้ภาพดังกล่าวกลับมาให้ได้ทั้งหมด เพื่อใช้ประกอบเป็นสำนวนในการดำเนินคดี หากมีการกระทำความผิดจริง  

ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์โพสต์ว่า มีข้อมูลเป็นคลิปวิดีโอขณะมีบุคคลมอบเงินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในด่านนั้น หากนายชูวิทย์มีคลิปดังกล่าวจริงหรือมีพยานคนดังกล่าวจริงขอให้นำเข้ามาพบกับตำรวจ 

  • ‘ชูวิทย์’ โทรหาพยาน ยันจ่ายเงินตำรวจ 27,000 บาท

ค่ำวันเดียวกัน นายชูวิทย์ ได้โทรศัพท์คุยพยานชาวสิงคโปร์ ยืนยันว่ามีการจ่ายเงิน 27,000 บาท ให้ตำรวจ ซึ่งนายชูวิทย์ขอพยานคนดังกล่าว บินมายืนยันข้อเท็จจริงให้สังคมไทยได้รับรู้ แต่เจ้าตัวยังไม่ตัดสินใจ เพราะกลัวว่าจะมีอันตราย

  • เด้ง 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง

ล่าสุดวันนี้ 31 ม.ค. 2566 พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 หัวหน้าชุดในการสอบคดีนี้ เซ็นเด้ง 7 ตำรวจ สน.ห้วยขวาง เผยผลสอบมีมูลพบบุหรี่ไฟฟ้าแต่ไม่ตรวจยึด-จับกุม ซึ่งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ



podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า