SHARE

คัดลอกแล้ว

Eastspring Investment อธิบายให้ฟังว่าทำไมเราถึงควรลงทุนอย่างเป็นประจำ พร้อมแบ่งปันมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในปีนี้

‘ดารบุษป์ ปภาพจน์’ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด (Eastspring Investment) กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ 2023 Market Outlook: Navigating The Global Reset ว่า

การลงทุนอย่างสม่ำเสมอ (Stay Invest) เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะจากการรวบรวมข้อมูลในช่วง 15 ปีย้อนหลัง (2550-2565) พบว่าเงิน 100,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 3.3 ล้านบาท) ที่ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก

ถ้าลงทุนตลอดเวลาโดยไม่หยุด จะได้เงินกลับมาประมาณ 200,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 6.7 ล้านบาท) ถ้าพลาดวันที่ดีที่สุด 10 วัน เงินที่ได้จะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 109,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 3.6 ล้านบาท)

แต่ถ้าพลาดวันที่ดีที่สุด 20 วัน เงินที่ลงทุนไปจะลดลงเหลือ 72,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 2.4 ล้านบาท) และถ้าพลาดวันที่ดีที่สุดไป 30 วัน เงินที่ลงทุนไปจะลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง เหลืออยู่ที่ประมาณ 53,000 เหรียญสหรัฐ (ราว 1.7 ล้านบาท) เท่านั้น

‘เงินก้อนเดิม ถ้าไม่ลงทุนก็ยังอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเงินก้อนเดิมมันใช้ได้เท่าเดิมหรือเปล่า เรามักจะมีความเชื่อหนึ่งว่า ถ้าตลาดไม่ดี อย่าไปลงทุน ซึ่งการคิดแบบนี้ช่วยให้เราไม่ขาดทุนก็จริง แต่ไม่ได้ช่วยให้มีความมั่งคั่งทางการเงินอย่างยั่งยืนในอนาคต’

นอกจากนี้ Eastspring Investment ยังแชร์มุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในปี 2566 โดยคาดว่าจะยังคงมีความผันผวนอยู่ จากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ นโยบายการเงินและการคลัง และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจจีนและเอเชียในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตได้ดีกว่าที่อื่น จากนโยบายการเปิดประเทศของจีนเมื่อต้นปีผ่านมา และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมกลุ่มเทคโนโลยี ในขณะที่สหรัฐและยุโรปเติบโตต่ำกว่า 1-1.5%

โดยคาดว่าเอเชียหลายประเทศได้รับประโยชน์จากการเปิดประเทศ โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว เช่น สิงคโปร์ เวียดนาม รวมทั้งไทย ในขณะที่อินเดียและ อินโดนีเซีย จะได้ประโยชน์จากการกระจายห่วงโซ่อุปทานเพื่อหนีการพึ่งพาจากจีน

‘ขณะนี้เราเริ่มเห็นการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนในประเทศไทยที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงกลางปี 2566 ซึ่งโดยปกติตลาดหุ้นมักจะให้ผลตอบแทนได้ดีทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ’

‘บิล มัลโดนาโด’ (Bill Maldonado) Chief Investment Officer, Eastspring Investments (Singapore) กล่าวถึงเรื่องความยั่งยืน (ESG) ว่า ภูมิภาคเอเชียจะมีบทบาทมากขึ้นในเรื่องของการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม

โดยจะเห็นทุกภาคฝ่ายให้ความสนใจและระดมทุนในนวัตกรรมต่างๆ มากขึ้น เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานหมุนเวียนเพื่อให้เข้าเรื่อง Net Zero ทำให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างมาก

โดยจีนจะเป็นผู้นำการผลิตระบบพลังงานแสงอาทิตย์และครองห่วงโซ่อุปทาน อินโดนิเซียสร้างสวนอุตสาหกรรมซึ่งจะเป็นที่รองรับอุตสาหกรรมสีเขียว เช่น ผลิตแผงแสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่ลิเธียม ส่วนมาเลเซีย มีอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์ทดสอบอัตโนมัติ ทำให้เกิดการประหยัดพลังงานและลดขยะได้

นอกจากนี้ ยังจะเห็นบริษัทมีการออกนโยบาย ESG และมีการเปิดเผยข้อมูลมากขึ้น รวมถึงนักลงทุนจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับบริษัท มากกว่าใช้เงื่อนไขทาง ESG ในการคัดกรองเบื้องต้นเท่านั้น

สำหรับแนวทางการลงทุนของ บลจ.อีสท์สปริงในปีนี้ จะเน้นการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนหลากหลาย โดยมีธีมการลงทุนทั้งในส่วนของกองทุนต่างประเทศและกองทุนในประเทศ

สำหรับกองทุนต่างประเทศ ได้แก่ 1. หุ้นกลุ่มที่มีความต้านทานสูงช่วงตลาดผันผวน (Defensive) ทั้งหุ้นปันผล หุ้นผันผวนต่ำ รวมถึงหุ้นคุณภาพดีที่มีรายได้และกระแสเงินสดสม่ำเสมอ และมีผลการดำเนินงานไม่ผันแปรตามภาวะเศรษฐกิจมาก

จึงเหมาะกับการลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) 2. เน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชีย 3.ตราสารหนี้โลกคุณภาพดี และ 4.การลงทุนที่เน้นถึงความยั่งยืน (ESG)

ส่วนกองทุนในประเทศ ได้แก่ 1. หุ้นปันผลและหุ้นขนาดใหญ่ 2. หุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีและพันธบัตรรัฐบาล และ 3. ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของไทย (REITs) ที่ได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เริ่มทรงตัว

รวมถึงอัตราผลตอบแทน (Yield) และส่วนต่างอัตราผลตอบแทน (Yield Spread) อยู่ในระดับน่าสนใจราว 6.5% และ 3.5% ตามลำดับ

ดังนั้น เพื่อเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีในการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงร่วมกับ Eastspring Investments (Singapore) เปิดตัวกองทุนเปิด Eastspring Global Low Volatility Equity (ES-LOVE) ที่เน้นลงทุนในหุ้นโลก

โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้พอร์ตโดยรวมมีความผันผวนต่ำ ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงในช่วงตลาดขาลง พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีเมื่อตลาดปรับตัวเป็นขาขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายนักลงทุนที่สนใจระหว่างวันที่ 14-20 ก.พ. 2566 มูลค่า 5,000 ล้านบาท

สำหรับกองทุนเปิด Eastspring Global Low Volatility Equity มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว คือ กองทุน Eastspring Investment Global Low Volatility Equity Fund (กองทุนหลัก) ในหน่วยลงทุนชนิด Class C Acc USD ไม่ต่ำกว่า 80% ในรอบบัญชี

กองทุนหลักจะเน้นการลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยใช้ปัจจัยเชิงปริมาณโดยให้ความสำคัญกับหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานและโมเมนตัมที่ดี ซึ่งมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้ได้ใกล้เคียงกับดัชนีหุ้นโลก MSCI Ac World ด้วยความผันผวนที่ต่ำกว่า

โดยจะคัดเลือกหลักทรัพย์ประมาณ 250-350 เข้าพอร์ตลงทุนจากหุ้นทั่วโลกที่มากถึง 15,000 ตัว สำหรับกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะเน้นลงทุน ได้แก่ กลุ่มสุขภาพ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มสินค้าจำเป็น เป็นต้น

จุดเด่นของ Eastspring Investment Global Low Volatility Equity Fund อยู่ที่การคัดเลือกหุ้นในพอร์ตซึ่งจะตั้งต้นจากจำนวนหุ้นที่มากถึง 15,000 ตัว จากดัชนี S&P BMI Index ซึ่งจะสร้างโอกาสลงทุนได้ดี ประกอบกับทีมงานที่บริหารกองทุนดังกล่าวมีประสบการณ์เฉลี่ยราว 16 ปี

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมากลยุทธ์ดังกล่าวสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับ ดัชนีชี้วัด MSCI AC World Minimum Volatility Index โดยจากข้อมูลย้อนหลัง 3 ปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565 อยู่ที่ 2.96% และ 1.62% ตามลำดับ

ในขณะที่ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ 5.48% และ 4.57% ตามลำดับ รวมถึงมีผลตอบแทนต่อความเสี่ยงที่ดี เนื่องจากในช่วงตลาดขาลง กลยุทธ์ดังกล่าวฯ จะปรับตัวลงตามตลาดประมาณ 59% ส่วนช่วงที่ตลาดขาขึ้นจะปรับตัวตามตลาดประมาณ 71% (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2558 – 31 ธ.ค. 2565)

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eastspring.co.th หรือโทร 1725 ในวันและเวลาทำการ หรือผ่านช่องทางการขายของบริษัทฯ หรือผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนที่ได้รับการแต่งตั้ง

ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนการตัดสินใจลงทุนผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

เกี่ยวกับ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์

อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในฐานะบริษัทจัดการสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียล (Prudential) กลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินระดับสากล เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย บริหารสินทรัพย์ในนามของผู้ลงทุนรายย่อยและผู้ลงทุนสถาบันทั้งหมดกว่า 222,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 2564) เริ่มให้บริการครอบคลุมตลาดเอเชียตั้งแต่ปี 2537

อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ เป็นหนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค* มอบโซลูชั่นด้านการลงทุนสำหรับสินทรัพย์ประเภทต่างๆ อาทิ หุ้น ตราสารหนี้ กองทุนแบบผสม กองทุนเชิงปริมาณวิเคราะห์ (Quantitative) และสินทรัพย์ทางเลือก โดยมุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่มีคุณภาพสูงแก่ลูกค้าในระยะยาว

การลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมถือเป็นหัวใจหลักของธุรกิจ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนของ อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ มีหน้าที่ในการพิจารณาส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติอย่างมีธรรมาภิบาลในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ให้สอดคล้องกับปรัชญาและกระบวนการการลงทุนของพวกเขา

บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะปรับธุรกิจให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับโครงการความคิดริเริ่มด้านความยั่งยืนระดับโลก โดยอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ เป็นผู้ลงนามภายใต้ United Nations-supported Principles for Responsible Investment (PRI) ขององค์การสหประชาชาติ และ Asia Investor Group on Climate Change

* อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (ไม่รวมบริษัทร่วมทุน) เป็นบริษัทที่ถือหุ้นเต็ม / บริษัทย่อยที่ถือหุ้นโดยอ้อม / บริษัทในเครือของพรูเด็นเชียล จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจในสหราชอาณาจักร

ส่วนบริษัทต่างๆ ของอีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ (รวมบริษัทร่วมทุน) และพรูเด็นเชียล จำกัด (มหาชน) มิได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับ พรูเด็นเชียล ไฟแนนเชียล อิงค์ (Prudential Financial. Inc) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีถิ่นที่ตั้งทางธุรกิจในประเทศสหรัฐอเมริกา หรือกับ Prudential Assurance Company ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ M&G plc ที่จัดตั้งขึ้นในสหราชอาณาจักร

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า