SHARE

คัดลอกแล้ว

‘อลิอันซ์ อยุธยา’ ชี้ว่า คนไทยกำลังจ่ายค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นปีละ 6-8% ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันสุขภาพสูงขึ้นตามไปด้วย แต่หวังว่าการเข้ามาดูแลมาตรฐานของภาครัฐจะช่วยคุมค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลเรียกเก็บกับบริษัทประกันด้วย

‘โทมัส วิลสัน’ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เผยว่า ค่ารักษาพยาบาลในประเทศไทยมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นราว 6-8% ต่อปี ซึ่งส่งผลให้บริษัทประกันต้องนำต้นทุนดังกล่าวเข้ามาคำนวณในเบี้ยประกัน

อย่างไรก็ตาม จากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริม การประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) มีแผนจะเข้ามาดูแลมาตรฐาน เชื่อว่าเป็นโอกาสดี เพราะ คปภ.จะได้เข้ามาดูแลค่ารักษาพยาบาลที่พยาบาลเรียกเก็บกับบริษัทประกันให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย

สำหรับแนวโน้มการเคลมประกันสุขภาพของบริษัทในปีที่ผ่านมา พบว่า การเคลมประกันโควิด-19 ลดลงต่อเนื่อง สวนทางกับการเคลมประกันที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด (Non-covid Claim) ที่เริ่มปรับตัวขึ้น หลังลูกค้าเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นในการเข้ามารักษาที่โรงพยาบาล

โดยโรคที่มีการเคลมสูงสุด 3 อันดับแรก คือ 1. ลำไส้อักเสบ/ท้องเสีย (AGE/Diarrhea) 2. โพรงจมูกอักเสบ (Rhinitis) และ 3. คออักเสบ (Pharyngitis)

ขณะที่การเคลมประกันสุขภาพเด็กก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน หลังโรงเรียนเริ่มกลับมาเปิดเรียนตามปกติ โดยในปี 2565 ยอดเคลมประกันเด็กปรับตัวขึ้นเด็กปรับตัวขึ้นเกือบ 70,000 เคส และ 47.9% เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ

ในวันเดียวกัน อลิอันซ์ อยุธยา แชร์ภาพรวมของบริษัทในปี 2565 ที่ผ่านมา โดยทำผลงานได้ยอดเยี่ยมทุกช่องทางการขาย ทำให้ผลการดำเนินธุรกิจในภาพรวมเติบโตสูงเหนือตลาด โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) เติบโตถึง 15% อยู่ที่ 7 พันล้านบาท

แบ่งเป็น ช่องทางตัวแทน 2.9 พันล้านบาท เติบโต 25% ช่องทางขายผ่านธนาคาร 2.7 พันล้านบาท เติบโต 17% และช่องทางอื่นๆ อาทิ ช่องทางขายตรงและประกันกลุ่มอีกประมาณ 1.6 พันล้านบาท

ทั้งหมดนี้ทำให้เบี้ยประกันภัยรับรวม (GWP) เติบโต 7% อยู่ที่ 3.43 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ตลาดเติบโตติดลบ 1% (จากตัวเลขถึงเดือน พ.ย. 2565)

ในด้านการขายผลิตภัณฑ์ ประกันสุขภาพยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นที่สุด มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาเบี้ยรับปีแรกของเฉพาะผลิตภัณฑ์สุขภาพเติบโตถึง 11%

นอกจากนั้น อลิอันซ์ อยุธยา ยังได้รับคะแนน NPS Score ที่ใช้วัดความพึงพอใจลูกค้าเป็นอันดับ 1 สูงกว่าค่ากลางของตลาด ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และได้คะแนน AES Score ที่ใช้วัดความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 2 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก

สำหรับปี 2566 ถือเป็นปีแห่งโอกาสที่บริษัทฯ จะนำเอาแนวทางการทำงานตามกลยุทธ์ Strategy 2025 ที่ได้สร้างความสำเร็จมาแล้ว มาต่อยอดการทำงานเพื่อสร้างอัตราเร่งของการเติบโตไปอีกขึ้น โดยยังคงยึดกรอบการทำงานบน 4 เสาหลักสำคัญ ได้แก่

Faster Growth – สร้างการเติบโตแบบเร่งรัด โดยช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางหลักในการสร้างเบี้ยประกันภัยรับปีแรกรายปี (ANP) และกำไร โดยปีนี้บริษัทจะต่อยอดจากโปรแกรมที่เน้นการเติบโต ซึ่งใช้การแข่งขันและกิจกรรมที่สร้างความท้าทายใหม่ๆ ในการทำงาน

ซึ่งได้พิสูจน์มาแล้วว่าช่วยกระตุ้นการสร้างยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Elite Program และ The Master Financial Advisors ซึ่งได้สร้างตัวแทนใหม่มากถึงกว่า 7,000 คน และสามารถกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ยูนิตลิงก์ให้เติบโตได้มากถึง 114%

โดยในปีนี้บริษัทฯ ได้ทำการเปิดตัวโปรแกรมใหม่ The Franchise Builder มุ่งผลักดันสร้างตัวแทนระดับผู้บริหารให้เพิ่มจำนวนยิ่งขึ้น

Product Leadership – มุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ และครอบคลุมทุกความต้องการคุ้มครองสุขภาพของลูกค้าทุกกลุ่ม อีกทั้งวางแผนเติบโตพอร์ตประกันควบการลงทุน (Unit-linked) อย่างต่อเนื่อง รวมถึงปั้นผู้แนะนำการลงทุน (IC) ผ่านโปรแกรม The Master Financial Advisors

ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการเปิดตัวสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพ UDR เพื่อใช้แนบกับประกันควบการลงทุนโดยเฉพาะ รวมทั้งเปิดตัวกองทุนต่างประเทศ และในปีนี้บริษัทฯ ยังจะมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นด้วย

Operating Profit – ประกอบไปด้วยการสร้างวินัยในการใช้จ่าย พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจัดกลุ่มลูกค้าตามเซกเมนต์ต่างๆ เพื่อจะได้มอบผลิตภัณฑ์และความคุ้มครองที่สร้างมาให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างแม่นยำ พร้อมตัวแทนมืออาชีพดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้นำโปรแกรม Plus ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้ามาสนับสนุนการขาย โดยพบว่ามีส่วนช่วยให้การขายผลิตภัณฑ์ผ่านตัวแทนเติบโตประมาณ 15%

Franchise Health – อลิอันซ์ อยุธยา ให้ความสำคัญในเรื่องการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และการสร้างความผูกพันธ์ระหว่างพนักงานกับองค์กร

โดยบริษัทฯ ได้รับคะแนน NPS Score ซึ่งเป็นคะแนนในด้านความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 4 และได้คะแนน AES Score ซึ่งเป็นคะแนนในด้านความผูกพันธ์ของพนักงานต่อองค์กร สูงเป็นอันดับ 2 จากบริษัทในเครืออลิอันซ์ทั่วโลก

ทั้งนี้ การดำเนินธุรกิจของอลิอันซ์ อยุธยา ไม่เพียงเพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมายเท่านั้น แต่บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่สร้างความยั่งยืน บริษัทฯ จึงมีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และการช่วยเหลือชุมชนอย่างต่อเนื่อง

‘ในปี 2566 นี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันให้อลิอันซ์ อยุธยา สามารถเติบโตธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นแบรนด์ประกันอันดับหนึ่งในใจลูกค้ารวมทั้งสร้างความผูกพันกับพนักงาน พร้อมพิชิตยอดเบี้ยประกันรับรวม 3.77 หมื่นล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีแรก 7.7 พันล้านบาท ก้าวสู่การเป็นผู้นำบริษัทประกันชีวิตและสุขภาพของไทยได้อย่างมั่นคง’

สำหรับรายละเอียดเป้าหมาย 3.77 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันสุขภาพ 2.5 พันล้านบาท คาดว่าจะเห็นอัตราการเติบโตประมาณ 8% โดยช่องทางการขายหลักยังเป็นตัวแทน 3.5 พันล้านบาท เติบโตมากกว่า 10%

ขณะที่การขายผ่านธนาคารปีนี้ คาดการณ์ที่ 2.4 พันล้านบาท เติบโตราว 10% ขายตรง 1.6 พันล้านบาท เติบโตราว 10% และประกันกลุ่ม 200 ล้านบาท เติบโตต่ำกว่า 10% ซึ่งเป็นธรรมชาติของประกันกลุ่ม โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาทในปัจจุบัน

เมื่อสอบถามถึงการการขายผลิตภัณฑ์ผ่านทางโทรศัพท์ ซีอีโอระบุว่า การขายผ่านช่องทางดังกล่าวมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากลูกค้ากังวลกับกระแสข่าวมิจฉาชีพหลอกเอาเงิน ส่งผลให้ลูกค้าไม่อยากรับโทรศัพท์

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังเชื่อว่าปีนี้จะเดินหน้าสู่เป้าหมายได้ไม่ยาก ภายหลังในช่วง 2 เดือนแรกที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.) ยังเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของอลิอันซ์ อยุธยา ปัจจุบันแต่ละช่องทางการขายมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่คนที่เพิ่งเรียนจบ คนที่เพิ่งสร้างครอบครัว คนที่กำลังจะเกษียณอายุ หรือคนที่เกษียณอายุแล้ว

ขณะที่กลุ่มลูกค้าของช่องทางตัวแทน ซึ่งเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะเติบโตสูงในปีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยกลางคน (อายุ 35 ปีขึ้นไป) เช่น คนที่มีครอบครัวแล้ว คนที่กำลังวางแผนเพื่อการเกษียณอายุ หรือกำลังวางแผนเพื่อการดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญต่อการวางแผนทางการเงิน

ปัจจุบันอลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต มีส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 7 เมื่อนับจากเบี้ยประกันรวม และอันดับ 3 เมื่อนับจากเบี้ยประกันสุขภาพ และอันดับ 4 เมื่อนับจากผลกำไร

สำหรับพอร์ตการลงทุนของอลิอันซ์ อยุธยา ปัจจุบันถือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ (Fixed Income) ประมาณ 90% ส่วนอีก 10% แบ่งเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 7% และกองทุนหุ้น 3%

ทางด้าน กลุ่มอลิอันซ์ บริษัทผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ได้รายงานผลประกอบการประจำปี 2565 บริษัทสร้างผลงานได้ดีมาก ทั้งรายได้และกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์

โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 2.8% อยู่ที่ 1.527 แสนล้านยูโร (ประมาณ 5.27 ล้านล้านบาท) กำไรจากการดำเนินงานพุ่ง 5.7% อยู่ที่ 1.42 หมื่นล้านยูโร (หรือประมาณ 4.9 แสนล้านบาท)

จากผลประกอบการที่ดีเยี่ยมของประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (Property-Casualty) และประกันชีวิต/สุขภาพ ในขณะที่อัตราส่วนเงินทุนเพื่อความมั่นคง (Solvency II capitalization) อยู่ที่ 201 เปอร์เซ็นต์ ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2565

‘โอลิเวอร์ เบเทอร์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอลิอันซ์ กล่าวว่า ทั้งรายได้และกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์ของเราในปี 2565 ตอกย้ำสถานะอันแข็งแกร่งของอลิอันซ์ในฐานะสถาบันการเงินระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด มีความสามารถในการฟื้นตัวได้ดีเยี่ยมและมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด

โดยผลการดำเนินงานของอลิอันซ์ที่ยอดเยี่ยมนี้ เป็นผลจากการวางแผนและดำเนินการอย่างรอบคอบและต่อเนื่อง การบริหารจัดการเงินทุนอย่างมีวินัย

‘ที่สำคัญในปีที่ผ่านมานี้ แบรนด์อลิอันซ์ยังได้รับคะแนนที่สูงที่สุดตลอดกาลในด้านความแข็งแกร่ง ความพึงพอใจของลูกค้าและพนักงาน และเราจะยังคงยืนหยัดอย่างต่อเนื่องด้วยความภาคภูมิใจที่จะแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ต่อลูกค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้นของเรา’

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า