กระทรวงแรงงานเสนอเพิ่มสิทธิประโยชน์ลาคลอดลูกจ้างรัฐวิสาหกิจจากเดิม 90 วัน เป็น 98 วัน สอดคล้องอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 183 ได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเนื่องจากลาคลอดตามปกติ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) 3 ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอเรียบร้อยแล้ว คือ
1. ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..)
2. ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ และค่าทดแทนกรณีการตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน
3. ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต (กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19)
สาระสำคัญของร่างประกาศ ครรส. มีทั้งร่างประกาศ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิง มีครรภ์สิทธิลาเพื่อคลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้าง จาก 90 วัน เป็น 98 วัน ซึ่งสอดคล้องกับอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ 183 ว่าด้วยการคุ้มครองมารดา ค.ศ. 2000
เป็นการเพิ่มบทนิยามคำว่า วันหยุด ให้หมายความรวมถึงวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี และร่างประกาศ ครรส. เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ (กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19) เป็นการปรับปรุงการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคโควิด-19 ให้สอดคล้องกับที่กระทรวงสาธารณสุข
โดยหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว จะนำเข้าสู่การพิจารณาคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อตรวจพิจารณาต่อไป ลูกจ้างภาคเอกชนที่เป็นผู้ประกันตนจะได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร จาก 90 วัน เป็น 98 วันจากกองทุนประกันสังคมเช่นกัน
สาระสำคัญของร่างประกาศ
1. ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง มาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ในเรื่องดังต่อไปนี้
ประกาศเดิม | ร่างประกาศในเรื่องนี้ |
1. วันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี | |
– “วันหยุด” หมายความว่า วันที่กำหนดให้ลูกจ้างหยุดประจำสัปดาห์ หยุดตามประเพณี หรือหยุดพักผ่อนประจำปี
– ในกรณีที่วันหยุดตามประเพณีวันใดตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ของลูกจ้าง ให้ลูกจ้างได้หยุดชดเชยในวันทำงานถัดไป |
– “วันหยุด” หมายความว่า วันที่กำหนดให้ลูกจ้างหยุดประจำสัปดาห์ หยุดตามประเพณี หยุดพักผ่อนประจำปี หรือหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีที่นายจ้างกำหนด – ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี ตามความเหมาะสมและความจำเป็นของกิจการ – ในกรณีที่วันหยุดตามประเพณีหรือวันหยุดพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรีวันใดตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ของลูกจ้าง ให้ลูกจ้างได้หยุดชดเชยในวันทำงานถัดไป |
2. วันลาเพื่อคลอดบุตร | |
– ลูกจ้างมีสิทธิลาคลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้างเท่าเวลาที่ลาตามอัตราที่ได้รับอยู่ แต่ไม่เกิน 90 วัน | – ลูกจ้างมีสิทธิลาคลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้างเท่าเวลาที่ลาตามอัตราที่ได้รับอยู่ แต่ไม่เกิน 98 วัน |
3. เงินทดแทน | |
– ห้ามนายจ้างหักเงินทดแทนเพื่อการใด ๆ | – ห้ามนายจ้างหักเงินทดแทนเพื่อการใด ๆ และเงินทดแทนไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี |
2. ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ และค่าทดแทนกรณีการตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าทดแทนการขาดรายได้ กรณีทุพพลภาพอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ลงวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ในเรื่องดังต่อไปนี้
2.1 กำหนดเพิ่มเติมให้ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบสิบปีขึ้นไปและถึงความตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงานในปีที่จะเกษียณอายุ มีสิทธิได้รับค่าทดแทนกรณีตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน โดยค่าทดแทนดังกล่าวมีอัตราเดียวกันกับอัตราการจ่ายเงินเพื่อตอบแทนความชอบในการทำงานซึ่งลูกจ้างจะได้รับเมื่อเกษียณอายุ
2.2 กำหนดให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าทดแทนกรณีตายอันมิใช่เนื่องจากการทำงานตามข้อ 2.1 เพราะเหตุอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
(1) ลูกจ้างละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร
(2) ลูกจ้างกระทำความผิดอาญาโดยเจตนา
(3) ลูกจ้างเสพของมึนเมาหรือสิ่งเสพติดอื่น
(4) ลูกจ้างฆ่าตัวตาย
3. ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต (กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ในเรื่องดังต่อไปนี้
ประกาศเดิม | ร่างประกาศในเรื่องนี้ |
1. บทนิยาม | |
– “ผู้ป่วย” หมายความว่า ลูกจ้าง หรือคู่สมรสหรือบุตรของลูกจ้าง ผู้ซึ่งป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] | – “ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต” หมายความว่า ลูกจ้าง หรือคู่สมรสหรือบุตรของลูกจ้าง ผู้ซึ่งป่วยฉุกเฉินวิกฤตตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน เฉพาะโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) |
2. ค่าใช้จ่ายการตรวจทางห้องปฏิบัติการ | |
– กรณีที่ลูกจ้าง หรือคู่สมรสหรือบุตรของลูกจ้างมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย หรือมีอาการของโรคปอดอักเสบ หากแพทย์เห็นว่ามีความจำเป็นต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายจากการตรวจทางห้องปฏิบัติการนั้นสำหรับตนเอง หรือคู่สมรส หรือบุตรของตนเอง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ | – ยกเลิก |
3. ค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาล | |
– กรณีที่ลูกจ้าง หรือคู่สมรสหรือบุตรของลูกจ้าง เป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลสำหรับตนเอง หรือคู่สมรส หรือบุตรของตนเอง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ | – กรณีที่ลูกจ้าง หรือคู่สมรสหรือบุตรของลูกจ้าง เป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาล หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลสำหรับตนเอง หรือคู่สมรส หรือบุตรของตนเอง ตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนด – กรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แต่ไม่เป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ให้ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าใช้จ่ายจากการรักษาพยาบาลสำหรับตนเอง หรือคู่สมรส หรือบุตรของตนเอง ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กำหนด |
4. บทเฉพาะกาลและวันที่มีผลใช้บังคับ | |
– กำหนดให้ร่างประกาศในเรื่องนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป – กำหนดให้การเข้ารับการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ 16 มีนาคม 2565 และการรักษาพยาบาลยังไม่สิ้นสุดลง ให้ได้รับสิทธิตามประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และอัตราค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โรคโควิด-19 ลงวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 (ประกาศเดิม) ต่อไปจนสิ้นสุดการรักษาพยาบาล |