Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

LGT Private Bank ของราชวงศ์เก่าแก่ในยุโรป เผยว่าตลาดเอเชียและไทยมีการเติบโตสูง คาดอีกไม่กี่ปีเงินที่บริหารให้ลูกค้าในภูมิภาคนี้จะโตแซงฝั่งยุโรป

เจ้าชายแมกซ์ ฟอน อุนด์ ซู ลิกเตนสไตน์ (H.S.H. Prince Philipp von und zu Liechtenstein) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารแอลจีที (LGT) ผู้ให้บริการ Private Banking กล่าวว่า ตลาดเอเชียและประเทศไทย ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง

โดยที่ผ่านมา มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ในภูมิภาคนี้ มีอัตราการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ที่กลุ่มบริษัทให้บริการ และคาดว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้า AUM ของลูกค้าเอเชียจะเติบโตแซงหน้าลูกค้ายุโรป จากปัจจุบันที่ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.5 ล้านล้านบาท)

ปัจจัยสนับสนุนมาจากแนวโน้มประชากรในภูมิภาคที่ยังคงเติบโต รวมถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ ส่งผลให้กลุ่ม LGT มีมุมมองเชิงบวกต่อเอเชีย และตัดสินใจขยายธุรกิจ Private Banking ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

สำหรับประเทศไทย LGT เข้ามาให้บริการตั้งแต่ปี 2019 (2562) ซึ่งจะครบรอบ 4 ปีในช่วงเดือน มี.ค.นี้ จุดเด่นคือบริการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ที่ครอบคลุมทุกสินทรัพย์การ ตั้งแต่หุ้นยันกองทุนรวมส่วนบุคคล (Private Fund)

ปัจจุบันฐานลูกค้าในไทยค่อนข้างหลากหลาย โดย LGT ให้บริการตั้งแต่ลูกค้าบุคคล ลูกค้าบริษัท ไปจนถึงลูกค้าที่เป็นสถาบันการเงิน กำหนดมูลค่าพอร์ตขั้นต่ำ 100 ล้านบาท

ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่สูงกว่าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดที่ 50 ล้านบาท

เมื่อถามถึงแผนธุรกิจในปีนี้ ซีอีโอกลุ่มบอกว่า ถ้าพูดตามจริงคือ LGT ไม่มีแผนระยะสั้น เพราะการทำธุรกิจ Private Banking จะต้องวางแผนดูแลลูกค้าในระยะยาว ซึ่งสิ่งที่กลุ่มบริษัทจะทำหลักๆ ต่อจากนี้ คือ

1. การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับ Digitalization 2. การพัฒนาบุคลากรในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Relationship Manager (RM) หรือผู้บริหารในภูมิภาค และ 3. คุณภาพและไอเดียการลงทุน

นอกเหนือจากการวางแผนการลงทุนให้กับลูกค้าแล้ว LGT ยังให้ความสำคัญกับประเด็นความยั่งยืน (ESG) โดยเข้าใจว่าธุรกิจ Private Banking มีส่วนอย่างมากต่อเรื่องนี้ เพราะเป็นคนจัดสรรเงินทุนให้กับธุรกิจต่างๆ ซึ่งต้องมาพร้อมกับความรับผิดชอบ

ในส่วนของลูกค้าเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทย ให้การตอบรับต่อการลงทุนที่คำนึงถึง ESG ค่อนข้างดี ทำให้ LGT ค่อนข้างมั่นใจว่าภายในปี 2030 (2573) กลุ่มบริษัทจะสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ได้ไม่ยาก

สำหรับ LGT เป็นกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจ Private Banking และการบริหารสินทรัพย์ในระดับนานาชาติ บริหารงานโดยราชวงศ์ลิกเตนสไตน์มานานกว่า 90 ปี ซึ่งเป็นครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในการส่งต่อความมั่งคั่งนานกว่า 900 ปี ผ่านลูกหลานกว่า 30 รุ่น

ปัจจุบันมี AUM ทั้งสิ้น 284,700 ล้านฟรังก์สวิส (ราว 297,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 10 ล้านล้านบาท ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2565) ให้บริการกับลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งระดับสูงและลูกค้าองค์กร โดยมีพนักงานมากกว่า 4,500 คน ในสำนักงานมากกว่า 20 แห่งในยุโรป เอเชีย อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชียตะวันออกกลาง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า