SHARE

คัดลอกแล้ว

“กระเป๋า” คือไอเทมที่คนเรามักจะหยิบมาใช้ตอนออกจากบ้าน เพื่อพกพาสิ่งของจำเป็นไปด้วยทุกที่ ทุกเวลา ดังนั้นคนทำธุรกิจจำหน่ายกระเป๋า จึงได้พยายายามนำจุดเด่นของกระเป๋า ที่ลูกค้าจะได้สัมผัสเมื่อออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้าน มาสื่อสารผ่านเครื่องมือด้านการตลาด

แต่เคยคิดเล่นๆ ไหมว่า ถ้าวันหนึ่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนออกไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลานาน ขณะที่ธุรกิจยังจำเป็นต้องเดินหน้าต่อ แล้วคนทำธุรกิจจะขายกระเป๋าอย่างไร?

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดคำถามแบบนี้ได้เกิดขึ้นกับ หลิน – เขมิกา จิวะพรทิพย์ ผู้บริหารของแบรนด์กระเป๋าแม่และเด็กที่ส่งตรงมาจากไต้หวัน อย่าง CiPU Thailand เพราะถ้าคนไม่ออกจากบ้าน ก็จะไม่ใช้กระเป๋า ธุรกิจของเธอคงไปต่อไม่ได้ แต่หลังจากเกิดคำถามนี้เพียงไม่นาน เธอก็สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างรวดเร็ว จนสามารถขายกระเป๋าได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าลูกค้าจะไม่ออกจากบ้าน

ความสำเร็จครั้งนี้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว สำนักข่าว TODAY จึงไม่พลาดที่จะชวนเธอมาพูดคุยกัน เพื่อถอดบทเรียน และถ่ายทอดประสบการณ์เป็นกรณีศึกษาให้กับคนทำธุรกิจอื่นๆ ได้รับรู้ไปพร้อมกัน

ทบทวนความการตลาดแบบเดิม

เมื่อเจอวิกฤตโควิดเข้ามาดิสรัป หลิน เขมิกาแชร์ว่า สิ่งที่ควรทำเป็นอย่างแรกคือ หันกลับไปทบทวนการตลาดรูปแบบเดิมที่ทำอยู่ ว่ายังสามารถใช้ได้อยู่ไหมกับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าคิดว่าใช้ไม่ได้แล้ว ก็ถึงเวลาต้องปรับ

“เมื่อก่อนเรามีการทำการตลาดหลากหลายรูปแบบ แต่จะเน้นใช้ Key Influencer เป็นหลัก เพื่อให้ตลาดเริ่มรู้จักกับแบรนด์ และเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ด้วย แต่ช่วงโควิด การทำการตลาดรูปแบบเดิม มันใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะกระเป๋าคือสิ่งที่เราจะใช้เมื่อออกจากบ้าน พอโควิดมาปุ๊บ ทุกคนอยู่บ้านกันหมดเลย เพราะฉะนั้นการจะมาพูดถึงสินค้าของเราในรูปแบบของของใช้ยามออกจากบ้าน มันจะทำให้ไม่เกิดการซื้อขาย เราเลย Back to Basic กลับมามองที่จุดเริ่มต้นของ CiPU”

“จุดเริ่มต้นของ CiPU คือ การเป็นกระเป๋าที่อยากช่วยให้คุณแม่ สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ และมีความสุข ซึ่งคุณแม่จะเริ่มใช้กระเป๋าของเราได้ตั้งแต่ยังไม่คลอด ดังนั้นเราเลยกลับมาโฟกัสที่จะขายกระเป๋าให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะแม่ว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะอยู่บ้านเป็นหลัก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องเตรียมตัวออกจากบ้าน เพื่อไปคลอดที่โรงพยาบาล โดยเน้นการพรีเซนต์ฟังก์ชั่นการใช้งานว่าเป็นกระเป๋าใบแรกของคุณแม่ พร้อมกับแนะนำวิธีการจัดเตรียมกระเป๋าเพื่อเตรียมคลอด”

ปรับตัวต่อเนื่อง

นอกจากนั้นคือการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะหลังจากที่โควิดเริ่มคลี่คลาย มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ทำให้จากเดิมที่คนอยู่บ้าน ก็เริ่มออกไปเที่ยวกันมากขึ้น หลิน เขมิกาเลยต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์

“พอเราเริ่มเห็นว่าคนออกไปเที่ยว คราวนี้ถ้าเราไปพูดถึงกระเป๋าสำหรับคุณแม่ลูกอ่อนอย่างเดียว เราก็คงจะพลาดโอกาสในการขายกระเป๋าสำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากจะพาลูกออกไปเที่ยว เลยต้องมีการปรับกยุทธิ์ มาโฟกัสกับคนกลุ่มหลังด้วย เพราะเขาจะมีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน อย่างกลุ่มแม่ลูกอ่อน เราจะมีกระเป๋าทรง Tote Bag ที่ใช้ง่าย เหมาะกับการจัดแจงข้าวของที่เด็กทารกจะต้องใช้ แต่คุณพ่อคุณแม่ที่จะพาลูกออกไปเที่ยว ต้องการกระเป๋าที่คล่องตัวสูงอย่างทรง Backpack ซึ่งสิ่งเหล่านี้เรียกว่าการเซกเมนต์ลูกค้าตามความต้องการสินค้า”

เสริมกลยุทธ์ด้วยแพลตฟอร์ม Ecosystem

อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้บริหาร CiPU Thailand มองว่าสำคัญไม่แพ้กัน คือ แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เป็น Ecosystem อย่าง LINE เพราะช่วยให้การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ สะดวกสบายมากขึ้น และปิดการขายได้รวดเร็วมากขึ้น โดยในช่วงที่พีคที่สุด LINE ช่วยสร้างรายได้ได้เกือบ 1 ล้านบาทเลยทีเดียว

“ก่อนโควิด เราจะมีไปออกงานเบบี้แฟร์ต่างๆ ในรูปแบบป๊อบอัพสโตร์ แต่ในช่วงโควิด คนอยู่บ้านหมดเลย และเริ่มคุ้นชินกับการซื้อของผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นนอกจากจะเซกเมนต์ลูกค้า และปรับตัวต่อเนื่องแล้ว เรายังมองหาวิธีขยายฐานลูกค้าในโลกออนไลน์ด้วย โดยใช้ LINE เพราะมี Full Ecosystem ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ ตั้งแต่การซื้อโฆษณาเพื่อเข้าไปหากลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหากระเป๋าแม่และเด็ก การที่ลูกค้าแอดเข้ามาเป็นเพื่อน เข้ามาหาข้อมูล ถามราคา ข้อมูลสินค้า และเมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการ เราก็สามารถปิดการขายได้เลย ช่วยให้เราทำงานตั้งแต่ต้นจนจบ”

CiPU Thailand ใช้ LINE Official Account (LINE OA) สื่อสารกับลูกค้า มีข้อดีก็คือ เมื่อลูกค้าเข้ามาพูดคุย หรือสอบถามข้อมูลแล้ว ส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะปิดการขายได้เลย

อีกทั้งยังได้เปิดร้านค้าอีคอมเมิร์ซอย่าง LINE SHOPPING ด้วย เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการจ่ายด้วยบัตรเครดิต หรือ เดบิต รวมถึงต้องการเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรมทางเงิน

หลังจากนั้นได้ใช้เครื่องมือ LINE Ads เพิ่มมาด้วย เพื่อยิงโฆษณาไปหากลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพ (Potential Customer) ที่อยู่ในแพลตฟอร์มของ LINE อยู่แล้ว ให้เพิ่มเราเป็นเพื่อน แล้วปิดการขายทาง LINE OA หรือ LINE SHOPPING ตามความต้องการของลูกค้า  

เทคนิคใช้ LINE Ads อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม โฆษณาที่สื่อสารออกไป จะสร้างยอดขายไม่ได้เลย ถ้าใช้ LINE Ads ไม่ถูกวิธี หลิน เขมิกา ที่ได้ลองผิดลองถูกในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง จึงอยากแชร์เทคนิคง่ายๆ กับผู้อ่าน ดังนี้

1. กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน

ถ้าอยากจ่ายเงินยิงโฆษณาให้คุ้มค่า สิ่งแรกที่ควรคำนึง คือ กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการสื่อสาร ควรกำหนดให้สอดคล้องกับกลุ่มที่อยากจะให้เป็นลูกค้าในอนาคต เช่น เป็นผู้หญิง อาศัยอยู่ในกทม.และปริมณฑล ชื่นชอบการชอปปิ้ง เป็นต้น แต่ถ้าในการตั้งค่านั้นไม่มีตัวเลือกที่ตรงกับลูกค้าเลย ให้ลองใช้วิธีเดียวกับ CiPU Thailand คือ ตั้งค่าจาก Key Attribute อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มแม่ลูกอ่อน เช่น ใช้อายุ โดยคนที่เป็นคุณแม่ลูกอ่อน มักจะอยู่ในช่วง 25-42 ปี เป็นต้น

2. นำเสนอสินค้าผ่านภาพโฆษณาที่ดึงดูด

สื่อโฆษณาต้องสวย น่ามอง มีความชัดเจน เช่น กระเป๋า Tote Bag ของกลุ่มแม่ลูกอ่อน กราฟิกก็จะต้องนำเสนอฟังก์ชั่นของกระเป๋า ทำให้เขารับรู้ว่ากระเป๋าจะทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไร โดยใช้ภาพที่มองแล้วรู้ได้ว่าเวลาใช้งาน จะดูเป็นอย่างไร อย่างภาพคนหิ้วกระเป๋า หรือมีกระเป๋าอยู่บนรถเข็นเด็ก มีคุณพ่อช่วยอุ้ม มีรูปเด็กทารก ส่วนกระเป๋า Backpack สำหรับคุณพ่อคุณแม่สายท่องเที่ยว ภาพจะต่างไปเลย ต้องทำให้เขาเห็นว่า ตอนนี้ใครๆ ก็ไปเที่ยวกัน ก็จะมีภาพของคุณพ่อคุณแม่ที่ลูกโตแล้ว หิ้วกระเป๋าไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น แล้วพอถึงญี่ปุ่น จะมีการใช้งานประเป๋าแบบไหน ในกระเป๋าจุอะไรได้บ้าง

ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าเราจับลูกค้าได้ถูกกลุ่ม และสื่อสารได้ตรงใจ เขาก็จะแอดไลน์มาหาเรา และปิดการขายได้

3. วัดผลการโฆษณา

หลังจากยิงโฆษณาแล้ว ก็จะต้องมีการวัดผลว่าสิ่งที่เราทำไปได้ผลไหม มีคนเพิ่มเพื่อนใน LINE OA เท่าไหร่ คนที่เพิ่มเพื่อนแล้วทักเข้ามา เขาสนใจสินค้าของเราจริงไหม ถ้าเขาสนใจ มีระดับความสนใจมากน้อยแค่ไหน เกิดการซื้อขายหรือไม่

โดยหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยวัดผลได้แบบง่ายที่สุด ได้แก่ Chat Tag เครื่องมือสำหรับสร้างแท็กเอาไว้แบ่งกลุ่มลูกค้า ที่ผ่านมา CiPU Thailand ได้แบ่งกลุ่มลูกค้าเป็น A ลูกค้าที่เข้ามาถามข้อมูล และปิดการขายได้เลย, B ลูกค้าที่ให้ความสนใจ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะรอโปรโมชั่น และ C คือคุยกันแล้ว แต่ยังไม่สนใจสินค้ามากขนาดนั้น แต่สามารถเก็บฐานข้อมูลลูกค้าเอาไว้ก่อนได้ เพื่อไปสื่อสารกันภายหลัง

ถ้าวัดผลแล้วพบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ มันให้รีเทิร์นกลับมาได้ ก็ค่อยๆ เพิ่มงบโฆษณาเข้าไป แต่ถ้าอะไรที่ยังไม่ดี ไม่ได้ผลตามที่ต้องการ ก็ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้ผลลัพธ์ดีขึ้น โดยควรวัดผลเป็นรายอาทิตย์ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และใช้เงินแบบเกิดประโยชน์สูงสุด

ต้องรู้จักใช้โปรโมชั่น

“นอกเหนือจากนั้น ต้องเข้าใจว่า คนที่เข้ามาหาเรา ก็อยากที่จะได้โปรโมชั่นเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งโปรโมชั่นไม่ใช่การลดราคาเสมอไป อย่างโปรที่เราใช้บ่อยๆ จะเป็นการคอลแล็บกับแบรนด์อื่นที่มีชื่อเสียง ทำให้สามารถขายสินค้าในราคาเต็มได้ได้เหมือนเดิม แต่ลูกค้าจะได้รับสินค้าที่มีคุณค่ามากขึ้น ขณะที่ตัวแบรนด์เองก็จะดูมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย”

อย่ามองข้ามการลงทุนพัฒนาความรู้

สิ่งสุดท้ายที่หลิน เขมิกา อยากแบ่งปัน คือ ควรเปิดใจ และลงทุนเกี่ยวกับการเรียนรู้การใช้เครื่องมือใหม่ๆ อยู่เสมอ ทั้งกับตัวเองและคนที่ทำงานด้วยกัน เพื่อให้ช่วยกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ตอนนี้เราสื่อสารกับลูกค้าผ่าน LINE OA เป็นหลัก ไม่ใช่เจอหน้ากันแบบ Face to Face จะต้องสื่อสารด้วยการพิมพ์ ดังนั้นคนทำงานจะต้องเข้าใจสินค้าอย่างถ่องแท้ มีทักษะการสื่อสารด้วยการพิมพ์อย่างชัดเจน และมีใจรักการขาย เต็มใจให้บริการ รวมทั้งต้องมีความสามารถในการเทรนลูกค้าให้ใช้เครื่องมือซื้อขายสินค้า เช่น LINE SHOPPING ได้ด้วย”

ทั้งหมดนี้คือปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้ หลิน – เขมิกา จิวะพรทิพย์ และ CiPU Thailand สามารถก้าวผ่านวิกฤตโควิดมาได้เป็นอย่างดี มีฐานลูกค้า และยอดขายที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ

สำหรับใครที่เป็นเจ้าของธุรกิจออนไลน์ และอยากเริ่มขยายกลุ่มเป้าหมาย ลองทำความรู้จักโฆษณาบน LINE (LINE Ads) ได้ที่ https://lin.ee/sKsdm94/izkl หรืออยากเริ่มต้นขายสินค้าผ่าน LINE SHOPPING ก็สามารถเปิดร้านค้าฟรีได้ที่ lineshoppingseller.com

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า