ไทยเตรียมใช้เทคโนโลยีซื้อ-ขายไฟฟ้าผ่านบล็อกเชน

ประเด็นคือ – โอกาสที่บ้านและอาคารต่างๆ จะผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ ซื้อขายกันเอง โดยไม่ต้องพึ่งไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ของการไฟฟ้า จะเป็นไปได้มากขึ้น  

วันที่ 19 ธ.ค. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คนไทยจะมีโอกาสซื้อขายไฟฟ้ากันเองในอีกไม่นาน โดยไม่ต้องพึ่งไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ของการไฟฟ้า ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งเปรียบเสมือนเครือข่ายการเก็บข้อมูลแบบหนึ่ง ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและได้รับข้อมูลเดียวกัน

เราจึงรู้ว่าใครมีสิทธิและเป็นเจ้าของข้อมูลเหล่านี้จริงๆ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บอยู่ในแต่ละบล็อก (Block) ที่เชื่อมโยงกันบนเครือข่ายเหมือนกับห่วงโซ่ (Chain)

นอกจากนี้ เมื่อธุรกรรมต่างๆ ถูกบันทึกในบล็อกเหล่านี้แล้ว เราจะไม่สามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ได้ เพราะทุกคนต่างก็มีสำเนาหรือประวัติการทำธุรกรรมทั้งหมดอยู่กับตัว จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ที่ใครจะมาปลอมแปลงข้อมูล โดยปราศจากการรับรู้จากผู้คนส่วนใหญ่

อาทิ ไฟฟ้าที่ใช้ ผลิตจากแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน นำมาซื้อขายหมุนเวียนในชุมชนได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งหมายถึงบ้านและอาคารเหล่านี้จะได้ใช้ไฟฟ้าในอัตราที่ถูกลงด้วย

นอกจากผู้บริโภคจะผลิตไฟฟ้าได้เองจากโซลาร์รูฟ ที่ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยเพิ่มรายได้จากการขายไฟฟ้าส่วนเกินได้ตลอดเวลา เพราะมีระบบกักเก็บพลังงาน และติดต่อซื้อขายกันได้โดยตรง โดยใช้สกุลเงินดิจิทัล ที่สมาชิกเครือข่ายบล็อกเชนยอมรับ

โดยผู้ร่วมโครงการมีหลากหลาย ทั้งในรูปแบบที่อยู่อาศัย ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน โรงพยาบาล นิคมอุตสาหกรรมก็สามารถใช้เอง หรือหากเหลือใช้ ก็ขายให้กับอาคารอื่นได้ตลอดเวลา

บัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี

หากโครงการเดินหน้าไปได้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ลูกค้าและผู้บริโภคก็มีทางเลือกมากขึ้น ด้วยการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Peer-to-Peer เป็นต้น

เบื้องต้น บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) นำโดย บัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี พัฒนาระบบนี้ กับ บริษัท พาวเวอร์เล็ดเจอร์ ประเทศออสเตรเลีย สตาร์ตอัปชั้นนำของโลก จะนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ประมาณกลางปีหน้า และเป็นครั้งแรกในอาเซียน โดยนำร่องที่คอมมิวนิตีมอลล์ในกรุงเทพฯ

(อ้างอิง: brandinside.asia/what-is-blockchain/, ขอบคุณภาพจาก pixabay)