กองทัพจีนดำเนินการซ้อมรบวันที่ 2 จำลองสถานการณ์โจมตีไต้หวัน ตอบโต้หลังประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน พบประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่แคลิฟอร์เนีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของสื่อรัฐบาลจีนว่า กองทัพจีนดำเนินการฝึกซ้อมทางทหารภายใต้รหัส “United Sharp Sword” รอบเกาะไต้หวันเป็นวันที่ 2 โดยการฝึกซ้อมในวันนี้ยังคงเป็นการจำลองสถานการณ์โจมตีเป้าหมายในไต้หวันอย่างแม่นยำ
การเปิดเผยดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงกลาโหมไต้หวันออกมาระบุว่า มีการตรวจพบเครื่องบินรบของจีนจำนวน 58 ลำ รวมถึงเครื่องบินรบ Su-30 และเครื่องบินทิ้งระเบิด H-6 ตลอดจนเรือรบอีก 9 ลำ ประจำการอยู่รอบเกาะ และพบว่ามีการโจมตีทางอากาศเกิดขึ้นหลายครั้ง
กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า กองทัพกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดผ่านระบบข่าวกรองร่วม ระบบเฝ้าติดตาม การลาดตระเวน และยังคงมีการเฝ้าระวังทางอากาศในระดับสูง พร้อมกับย้ำว่า ไต้หวันจะตอบโต้อย่างเหมาะสม โดยไม่เพิ่มความขัดแย้งหรือทำให้เกิดข้อพิพาทบานปลาย
ขณะเดียวกัน มีการเปิดเผยจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงว่า เรือของกองทัพจีนและกองทัพไต้หวันรวมกันประมาณ 20 ลำ เผชิญหน้ากันอยู่ใกล้กับเส้นกึ่งกลางในช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นเส้นแนวกั้นอย่างไม่เป็นทางการระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ไม่มีการแสดงท่าทีที่ยั่วยุฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ปฏิบัติการซ้อมรบของกองทัพจีนเริ่มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ (8 เม.ย.) หนึ่งวันหลังจากที่ นางไช่ อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน เดินทางกลับถึงกรุงไทเป หลังไปพบกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่หอสมุดประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยปฏิบัติการนี้จะสิ้นสุดลงในวันจันทร์ (10 เม.ย.)
การพบกันระหว่างผู้นำไต้หวันกับประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้สร้างความไม่พอใจให้กับจีนแผ่นดินใหญ่เป็นอย่างมาก ก่อนที่นางไช่จะเดินทางถึงสหรัฐฯ ทางการจีนได้ออกมาเตือนไต้หวันหลายต่อหลายครั้งถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการเยือนสหรัฐฯ ในครั้งนี้
ขณะที่สหรัฐฯ ได้ออกมาตอบโต้ว่า การเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของนางไช่ครั้งนี้ เป็นแค่การแวะพักเพื่อเปลี่ยนเครื่องตามปกติเพื่อเดินทางกลับไต้หวัน หลังเสร็จสิ้นภารกิจเดินทางเยือนประเทศพันธมิตรในอเมริกากลาง พร้อมกับระบุว่าไม่มีเหตุผลที่จีนจะต้องแสดงปฏิกิริยามากเกินกว่าเหตุ
ก่อนหน้านี้ จีนเคยจัดการซ้อมรบทั่วไปอย่างเข้มข้นรอบเกาะไต้หวันมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงทดสอบยิงขีปนาวุธจริงในเดือน ส.ค. หลังจากที่นางแนนซี เพโลซี ประธานาสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในขณะนั้นเดินทางเยือนไต้หวัน ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตกต่ำลงจนถึงขีดสุด
โดยจีนมองว่าประเด็นเรื่องไต้หวันเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน และเป็นกิจการภายในของจีนที่ไม่ควรมีประเทศอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว ในขณะที่สหรัฐฯ ยังคงความสัมพันธ์แบบไม่เป็นทางการกับไต้หวันเอาไว้ แม้จะถูกมองว่าการรักษาความสัมพันธ์ไว้เช่นนี้เป็นเรื่องที่มีความคลุมเครืออยู่ไม่น้อย
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ยังเคยแสดงจุดยืนว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนไต้หวันในการป้องกันตนเอง และอาจใช้กำลังในการปกป้องไต้หวันหากถูกจีนรุกราน ยิ่งทำให้รอยร้าวระหว่างสหรัฐฯ กับจีนแผ่นดินใหญ่ย่ำแย่ลงไปอีก
สำหรับการเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีไต้หวันในครั้งนี้ มีการเปิดเผยออกมาว่า เดิมทีเป็นแผนการของนายแมคคาร์ธีที่จะเดินทางเยือนไต้หวันด้วยตนเอง แต่ตัดสินใจเปลี่ยนมาพบกันที่สหรัฐฯ แทน ในขณะที่นางไช่แวะเปลี่ยนเครื่องก่อนเดินทางกลับจากอเมริกากลางไปยังไต้หวัน ซึ่งถูกมองว่าเป็นการแสดงท่าทีของสหรัฐฯ ที่ยังต้องการแสดงการสนับสนุนไต้หวัน แต่หลีกเลี่ยงการเพิ่มความตึงเครียดกับจีน
ที่มา Reuters, CNN, Al Jazeera