หมดยุคขายแต่สินค้าไอที ‘พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่’ รีแบรนด์เป็นห้าง กิน ช้อป ใช้ชีวิต เปิดไตรมาส 3 ปีนี้

ใครหลายคนอาจคุ้นเคย ‘พันธุ์ทิพย์’ ในฐานะแหล่งสินค้าไอทีชั้นนำของประเทศไทย แต่ตอนนี้ ‘พันธุ์ทิพย์’ ทั่วประเทศไทยกำลังถูกปรับโฉมใหม่ ตามนโยบายของเจ้าของอย่าง บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร บริษัทในเครือ TCC ของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ที่มีลูกสาวอย่าง ‘วัลลภา ไตรโสรัส’ นั่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่

ล่าสุด ได้ลุยปรับโฉม ‘พันธุ์ทิพย์ เชียงใหม่’ จากศูนย์กลางสินค้าไอทีที่มีอายุกว่า 18 ปี สู่ ‘THE PANTIP LIFESTYLE HUB เชียงใหม่’ ปรับลดโซนสินค้าไอที เพิ่มพื้นที่ไลฟ์สไตล์ กิน เที่ยว ช้อป ที่เรียกรวมๆ ว่า Lifestyle Experience หรือ ประสบการณ์ไลฟ์สไตล์หลากรูปแบบ ภายใต้คอนเซปต์ “EVERY HAPPINESS FOR EVERYONE” มอบ “ทุกเวลาสุขสนุกของทุกคน”

‘THE PANTIP LIFESTYLE HUB เชียงใหม่’ ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ย่านถนนช้างคลาน เชียงใหม่ อยู่ใกล้กับแม่น้ำปิงและไนท์บาซาร์ โดยรอบนี้ AWC ใช้งบประมาณปรับปรุงกว่า 300 ล้านบาท รวมมูลค่า 800 ล้านบาท บนพื้นที่รวมกว่า 13,000 ตร.ม. ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้ว 50% ของพื้นที่ คาดเปิดบริการได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 ปีนี้

หลักๆ จะแบ่งพื้นที่ตาม 3 แนวคิดหลัก ได้แก่

1) ATTRACTIONS พื้นที่ 3,800 ตร.ม. แลนด์มาร์คสำหรับกิจกรรมหลากหลายเสมือนห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่สุด (THE LARGEST LIVING ROOM) ในจังหวัดเชียงใหม่ มีร้านค้าและบริการ ศูนย์การเรียนรู้ชั้นนำ สนามเด็กเล่นเสริมสร้างประสบการณ์สำหรับเด็ก รวมถึงฟิตเนส ศูนย์สุขภาพและความงาม และพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ 

2) FOOD LOUNGE พื้นที่ 4,500 ตร.ม. แหล่งรวมร้านอาหารชั้นนำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด (THE LARGEST CONNECTED FOOD LOUNGE) ที่รวบรวมเมนูเด่นจากร้านดังยอดนิยมจากแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ควบคู่การจัดสรรพื้นที่ Co–Dining Space เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้มาใช้เวลาร่วมกันในการรับประทานอาหารและการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน 

3) LIFESTYLE MARKET: แหล่งไลฟ์สไตล์สำหรับทุกคน สำหรับพปปะสังสรรค์ เปิดโอกาสให้ชุมชนและกลุ่มต่างๆ มาร่วมจัดกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นทางเกษตร ศิลปะ บ้านและสวน สุขภาพ ธรรมชาติ ฯลฯ

การสร้างประสบการณ์ EVERY HAPPINESS FOR EVERYONE ครั้งนี้ ยังรวมถึงการออกแบบพื้นที่ตามศิลปะล้านนาร่วมสมัยทั้งหมด 4 โซน ได้แก่ 

– LANNA GAD โซนร้านค้าปลีก อาหารดัง และซูเปอร์มาร์เก็ต (Big C) บรรยากาศตลาดล้านนายุคใหม่ 

– LANNA ARTISAN โซนร้านอาหาร และร้านอุปกรณ์ไอที ต่อยอดจุดแข็งของศูนย์การค้า 

– LANNA AESTHETIC โซนศูนย์สุขภาพและความงาม สินค้าแฟชัน รวมถึงเครื่องใช้แม่และเด็ก

– LANNA AMUSEMENT โซนศูนย์การศึกษาและพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์ 

โดยจะยังมีโซนสินค้าไอทีที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์พันธุ์ทิพย์ แต่ปรับให้เข้ากับโลกดิจิทัลยุคปัจจุบัน เพราะสินค้าไอทีในปัจจุบันไม่ได้ใหญ่เท่ากับในอดีต เน้นตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์ อย่าง กลุ่มแกดเจท กลุ่มเกมมิ่ง กลุ่มอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

ด้านกลุ่มลูกค้าวางเป้าหมายเพิ่มจาก 8,000 คนต่อวันเป็น 12,000 คนต่อวัน คาดคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติแบ่งสัดส่วนคนละครึ่ง ซึ่งลูกค้านักท่องเที่ยวชาวจีนที่จะกลับมาแน่นอนช่วงปลายไตรมาสสามน่าจะเป็นอีกกลุ่มลุกค้าสำคัญ

ราคาค่าเช่าจะปรับขึ้นไม่มากนักให้ยังเป็นเรทมาตรฐานของพื้นที่เชียงใหม่ เพื่อให้ผู้เช่าสามารถเติบโตมีธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยเดิมราคาอยู่ประมาณเฉลี่ย 600-800 บาทต่อ ตร.ม.

ปัจจุบัน AWC มีอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในเชียงใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมที่มีหลายแบรนด์ครอบคลุมหลายกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ โรงแรม มีเลีย เชียงใหม่ โรงแรมดุสิต ดีทู เชียงใหม่ และโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง ที่กำลังจะเปิดให้บริการในปีนี้

โดยหลายโครงการของ AWC ในอนาคตจะเชื่อมโยงกันผ่าน ‘ลานนาทีค’ โครงการใหม่อีกหนึ่งโครงการที่จะสร้างเดสติเนชันให้กับเมืองเชียงใหม่ ที่กำลังอยู่ระหว่างคุยกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก เตรียมเปิดเฟสแรกปลายปีนี้ เป็นไลฟ์สไตล์มาเก็ตก่อน ในอนาคตจะมีอีกหลายเฟสคล้ายคลึงกับเอเชียทีค แต่ใช้คนละธีมคอนเซ็ปต์ เน้นเป็นเดสติเนชันของนักท่องเที่ยว พื้นที่ทั้งหมดจะต่อเนื่องกับไนท์บาซ่า ตลาดอนุสาน ริมน้ำปิง เชื่อมต่อหลายพื้นที่เข้าด้วยกัน

แต่ ‘THE PANTIP LIFESTYLE HUB เชียงใหม่’ จะเป็นศูนย์กลางตอบโจทย์ความสุขให้ชุมชนคนเชียงใหม่ก่อน