SHARE

คัดลอกแล้ว

เรื่องใหญ่ที่ถูกพูดถึงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นเอกสารลับจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ที่หลุดรั่วออกมาบนโลกอินเทอร์เน็ต

การรั่วไหลของเอกสารลับครั้งนี้ถูกเปิดเผยครั้งแรกโดยเดอะนิวยอร์กไทม์ส ที่ออกมารายงานว่า พบข้อมูลที่ดูเหมือนจะเป็นความลับด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ปรากฏอยู่บนทวิตเตอร์และเทเลแกรม 

โดยในเอกสารรายละเอียดในประเด็นที่มีความอ่อนไหวจำนวนมาก ตั้งแต่เรื่องสงครามยูเครน ไปจนถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และจีน อีกทั้งยังมีบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต (NATO)

ลักษณะของเอกสาร มีรูปแบบคล้ายกับการบันทึกข้อมูลข่าวกรองรายวันของเพนตากอน ถูกถ่ายภาพรวบรวมไว้ทั้งหมด 5 ชุด มีบางส่วนปรากฏตราประทับบนหัวว่า ‘เป็นความลับ’ หรือ ‘เป็นความลับขั้นสุดยอด’ 

ที่มาที่ไปของเอกสารลับเหล่านี้ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าหลุดออกมาจากบุคคลหรือหน่วยงานใด และตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงว่าวันที่ซึ่งระบุไว้ในเอกสาร ล่าสุดคือเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 หรือเมื่อประมาณ 5 สัปดาห์ที่แล้ว 

ในขณะที่เพนตากอนกล่าวว่า เพียงได้รับทราบรายงานเกี่ยวกับการรั่วไหลของเอกสารลับบนโลกออนไลน์แล้ว แต่ไม่ยืนยันเกี่ยวกับความถูกต้องของเอกสารดังกล่าว และกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 

อย่างไรก็ตาม มีเจ้าหน้าที่จากเพนตากอนไม่ระบุชื่อออกมายอมรับว่า เอกสารบางส่วนอาจเป็นเอกสารจริง แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า เอกสารเหล่านี้อาจถูกตัดต่อหรือมีการแก้ไขข้อมูลบางส่วนด้วย 

สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้ถูกจับตาเป็นเพราะในเอกสารที่มีการรั่วไหลของเพนตากอน ในเอกสารลับที่มีการเปิดเผยออกมา มีข้อมูลหลายอย่างที่ไปเชื่อมโยงกับสงครามยูเครนในหลายประเด็น 

โดยมีข้อมูลชุดหนึ่งในเอกสารหลุดจากเพนตากอน ใช้ชื่อในเอกสารว่า “US, Allied & Partner UAF Combat Power Build” และถูกประทับตราว่าเป็นความลับ จัดทำขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

ข้อมูลในเอกสารชุดนี้ ระบุรายละเอียดบางส่วนของอาวุธตะวันตกที่ยูเครนมีอยู่ในมือ รวมถึงการประเมินระยะเวลาที่จะส่งมอบอาวุธให้กับยูเครนเพิ่มเติม และการฝึกอบรมกองกำลังยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน 

ขณะที่เอกสารอีกชุดชื่อ ‘Russia/Ukraine Joint Staff J3/4/5 Daily Update (D+370)’ ที่มีการประทับตราว่าเป็นความลับเช่นเดียวกัน ในเอกสารฉบับนี้มีการพูดถึง J3 ซึ่งหมายถึงกองบัญชาการปฏิบัติการทางทหารร่วมของสหรัฐฯ J4 เกี่ยวข้องกับประเด็นโลจิสติกส์และวิศวกรรม และ J5 เกี่ยวกับเรื่องยุทธศาสตร์ แผนการ และคำแนะนำด้านนโยบายต่างๆ ขณะที่ D+370 หมายถึง วันที่เอกสารฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้น ซึ่งก็คือวันที่ 370 นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มส่งทหารรุกรานยูเครน

ในส่วนของเอกสารลับชุดที่ 3 ถูกประทับตราว่าเป็นข้อมูลลับสุดยอด แสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามยูเครน ณ วันที่ 1 มีนาคม มีทั้งข้อมูลแผนที่แสดงที่ตั้ง และขนาดกองกำลังของรัสเซียและยูเครน รวมถึงการประเมินความสูญเสียทั้งหมดของทั้งสองฝ่าย

โดยมีการประเมินว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากสงครามยูเครน อยู่ที่ประมาณ 189,500-223,000 นาย ขณะที่ฝ่ายยูเครน เอกสารทางการสหรัฐฯ ระบุว่ามีทหารยูเครนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บประมาณ 124,500-131,000 นาย

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการประเมินนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ยอมรับในเอกสารว่ามีความมั่นใจต่ำ เพราะยังขาดข้อมูลในการประเมิน รวมถึงความพยายามของทั้งสองฝ่ายที่ต้องการบิดเบือนจำนวนผู้เสียชีวิตจริงจากสงครามยูเครน

นอกจากนี้ ยังมีเอกสารอีกชุดที่ระบุถึงข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมีการประเมินภาพรวมว่า พื้นที่ใดในยูเครนที่จะมีอุณหภูมิหนาวเย็นจนพื้นที่แข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง ซึ่งมีผลต่อการเคลื่อนที่ของยานพาหนะทางทหาร 

อีกทั้งในเอกสารลับยังมีการระบุด้วยว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ซึ่งเป็นอาวุธตั้งแต่สมัยโซเวียตของฝ่ายยูเครน รวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ยูเครนมีอยู่เดิม ซึ่งก่อนหน้านี้มีบทบาทมากถึง 89% ในการป้องกันเครื่องบินรบของฝ่ายรัสเซีย กำลังจะถูกใช้จนหมดในวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ หากยังมีการใช้งานอยู่ในระดับเดิม เช่นเดียวกับระบบป้องกันทางอากาศของยูเครนรุ่นอื่นๆ ที่มีการประเมินว่าจะลดจำนวนลงอย่างมากในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมเช่นกัน

ข้อมูลเหล่านี้จึงถูกมองว่าหากเป็นการประเมินที่หลุดออกมาจาก ฝ่ายสหรัฐฯ จริง เท่ากับว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อกองทัพรัสเซียในการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อจัดการกับยูเครน

หลังจากที่มีข่าวเรื่องเอกสารลับของเพนตากอนหลุดออกมา  มิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาทางการเมืองของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้ออกมาระบุบนเทเลแกรม โดยตั้งข้อสังเกตว่ารัสเซียอาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรั่วไหลของเอกสารลับครั้งนี้ 

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในตะวันตกและเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ หลายคนมองว่า การรั่วไหลของเอกสารลับเพนตากอน อาจเป็นฝีมือของคนในสหรัฐฯ เอง มากกว่าจะรั่วออกมาจากพันธมิตร เพราะเอกสารจำนวนมากเป็นเอกสารที่อยู่ในมือของสหรัฐฯ เท่านั้น

ทั้งนี้ การรั่วไหลของเอกสารลับเพนตากอนที่เกิดขึ้น นับเป็นเหตุการณ์การรั่วไหลของเอกสารด้านความมั่นคงครั้งร้ายแรงสุดครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ นับตั้งแต่กรณีเอกสาร วิดีโอ และรายงานทางการทูตมากกว่า 700,000 ชิ้น ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์วิกิลีกส์ (WikiLeaks) ในปี 2556

 

ที่มา The New York Times, Reuters, BBC, CNN 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า