ตายแล้ว 5 ราย หลังสงกรานต์ยอดผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งทะลุพันราย สธ. แนะกลุ่มเสี่ยงฉีดวัคซีน ปรับใหม่เป็น “ฉีดวัคซีนประจำปี” ไม่ต้องนับว่าเข็มที่เท่าไหร่
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ว่า จากรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ภายในประเทศ พบว่า ช่วงวันที่ 16-22 เม.ย. 66 พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,088 ราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 73 ราย ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 35 ราย และผู้เสียชีวิต 5 ราย เฉลี่ยน้อยกว่า 1 คนต่อวัน มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนกว่า 2 เท่า พบกระจายในหลายจังหวัด โดยเฉพาะเมืองใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่น เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อในสมาชิกครอบครัว และการร่วมกิจกรรมที่รวมกลุ่มคนจำนวนมาก
สำหรับผู้เสียชีวิต ทั้ง 5 ราย พบว่า เป็นกลุ่ม 608 อายุเฉลี่ย 75 ปี โดย 4 รายที่เสียชีวิตเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนมาก่อน และอีก 1 ราย ยังไม่ได้รับเข็มกระตุ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เมื่อติดเชื้อแล้วเกิดอาการรุนแรง
ดังนั้น การฉีดวัคซีน หรือวัคซีนเข็มกระตุ้นภูมิคุ้มกัน จึงยังมีความจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 608 จะช่วยลดอาการหนักและเสียชีวิตได้ ส่วนผู้ที่มีปัญหาเรื่องการสร้างภูมิคุ้มกัน สามารถฉีดภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป หรือ LAAB ได้เช่นกัน โดยติดต่อขอรับบริการได้ที่สถานบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขใกล้บ้าน
นอกจากนี้ ควรสวมหน้ากากอนามัย หากต้องไปร่วมกิจกรรมที่มีคนจำนวนมาก หรือไปในที่สาธารณะ และหากติดเชื้อโควิด-19 ให้เข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาล ซึ่งได้จัดเตรียมยาและวัคซีนไว้ให้บริการอย่างเพียงพอ
[ปรับการฉีดวัคซีนโควิดเป็นประจำปี]
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเสริมว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับคำแนะนำแนวทางการฉีดใหม่ให้เป็น “การฉีดวัคซีนโควิดประจำปี” จึงขอให้ประชาชนเร่งเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ประจำปีก่อนเข้าฤดูฝน ซึ่งจะเริ่มฉีดในปี 2566 เป็นปีแรก โดยฉีดปีละ 1 เข็ม สามารถใช้วัคซีนชนิดใด หรือรุ่นใดก็ได้ โดยให้ห่างจากเข็มสุดท้าย หรือประวัติการติดเชื้ออย่างน้อย 3 เดือน และไม่ต้องนับว่า เป็นเข็มที่เท่าใด อีกทั้งสามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยฉีดที่ต้นแขนคนละข้าง
[ชายไทยวัย 42 ปี ติดเชื้อ XBB.1.16 มีอาการขี้ตาเหนียว]
ขณะที่ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ระบุว่า ประเทศอินเดีย รายงานว่า พบอาการตาแดง คันตา ขี้ตาเหนียว ทำให้ลืมตาลำบาก โดยเฉพาะในเด็กที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ XBB.1.16 เหมือนกับอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เป็นลักษณะค่อนข้างจำเพาะของคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
โพสต์ของนพ.มนูญ ระบุด้วยว่า ผู้ป่วยชายไทยอายุ 42 ปี วันที่ 13 เม.ย. 66 ระหว่างอยู่ต่างประเทศ เริ่มมีไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล กลับถึงประเทศไทยวันที่ 16 เม.ย. 66 ตาแดง มีขี้ตาเหนียวทั้ง 2 ข้าง ลืมตาได้ ไม่คันตา ไม่เจ็บตา ตามองเห็นปกติ ไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้ เคยติดเชื้อโควิดมกราคม 2565 ครั้งนั้นตาไม่แดง ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็ม และโมเดอร์นา 1 เข็ม วันที่ 17 เม.ย. 66 ตรวจ ATK ให้ผลบวก เอกซเรย์ปอดปกติ ได้ยาโมลนูพิราเวียร์ อาการต่างๆไข้ ไอ ดีขึ้น ตาแดงดีขึ้นใช้เวลา 7 วัน ผู้ป่วยรายนี้น่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 จากต่างประเทศมากที่สุด ทำให้เกิดอาการตาแดง มีขี้ตาเหนียวร่วมด้วย
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=pfbid0WfCWaCUhjCjtqox4T8CPmsL3DbjLmvKpibzpvAG6LFifzLzHbzT6XhfckV91Ky5Hl&id=100066692243273
หน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ เช่น
– สถาบันโรคผิวหนัง
– สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
– สถาบันประสาทวิทยา
– สถาบันโรคทรวงอก
– สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
– สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูฯ
– สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี
– ศูนย์การแพทย์บางรัก
– รพ.ราชวิถี
– รพ.สงฆ์
– รพ.เลิดสิน
– รพ.นพรัตนราชธานี
– รพ.มหาวชิราลงกรณธัญบุรี
– รพ.เมตตาประชารักษ์(วัดไร่ขิง)
– รพ.มะเร็งชลบุรี
– รพ.มะเร็งลพบุรี
– รพ.มะเร็งอุดรธานีร่วมกับรพ.ธัญญารักษ์อุดรธานี
– รพ.มะเร็งอุบลราชธานี
– รพ.ประสาทเชียงใหม่
– รพ.ธัญญารักษ์ขอนแก่น
– รพ.โรคผิวหนังเขตร้อนภาคใต้ จ.ตรัง
– รพ.ธัญญารักษ์ปัตตานี
– รพ.มะเร็งสุราษฎร์ธานี
– สถาบันบำราศนราดูร
– ศูนย์บริการสาธารณสุข สังกัดสำนักอนามัย
– ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักการแพทย์ กทม.
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422