‘วิษณุ’ ยอมรับข้าราชการเกียร์ว่าง ตั้งแต่ก่อนยุบสภาแล้ว พร้อมเผยส่งเอกสารรอบ 2 กลับไปกกต. ขออนุมัติงบฯช่วยบรรเทาปัญหาค่าไฟแพงอีกครั้ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปฏิบัติตัวของข้าราชการในช่วงรัฐบาลรักษาการ ยอมว่า เกียร์ว่างมาตั้งแต่ก่อนยุบสภาแล้ว ซึ่งเป็นธรรมดาช่วงปลายสมัยของรัฐบาล และการเกียร์ว่างก็เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งข้าราชการไม่แน่ใจว่า ถ้าทำอะไรไปตอนนี้รัฐบาลหน้ามา จะกระทบอะไรหรือไม่ ก็อาจจะชะลอไว้ก่อน รวมถึงบางอย่างไม่ได้เร่งด่วนอะไร น่าจะรอได้โดยมารยาท
“ดังนั้นจะเห็นข้าราชการเกียร์ว่าง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับในคณะรัฐมนตรีหลายครั้ง ขอให้รัฐมนตรีช่วยกำชับข้าราชการจะเกียร์ว่างหรือไม่ว่างก็ตาม แต่อย่าทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ลำบาก” นายวิษณุ ระบุ
ส่วนกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีกลับการขออนุมัติ งบกลาง 11,112 ล้านบาท ของรัฐบาล เพื่อจะช่วยบรรเทาปัญหาค่าไฟฟ้าแพงว่า ได้ส่งเอกสารกลับไป กกต. อีกครั้งแล้ว พร้อมแนบมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเหตุผลและความจำเป็น แต่ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม การของบกลางก่อนหน้านี้ไม่ได้หารือว่าจะดำเนินการส่งให้ กกต. ก่อน ครม. อนุมัติ หรือ ครม. อนุมัติก่อนแล้วส่ง จึงทำให้เกิดปัญหาเล็กน้อย
นายวิษณุ ยืนยันว่า การดำเนินการไม่ยุ่งยากและน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ เนื่องจาก กกต. มีการประชุมทุกสัปดาห์ ซึ่งแม้การที่ กกต. ไปต่างประเทศ ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบ เพราะว่ามีการหมุนเวียนกันไปกลับ
ทั้งนี้ ถ้า กกต.ยังไม่เห็นชอบแสดงว่า ต้องการตีกลับให้ส่งหลักฐานเพิ่ม เพราะตามมาตรา 169 ระบุว่า รัฐบาลรักษาการ ต้องไม่แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ไม่ทำอะไรที่ผูกพันรัฐบาลหน้า และไม่ใช้งบกลาง ยกเว้นจะได้รับความเห็นชอบจาก กกต. และต้องเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน โดยรัฐบาลต้องระบุว่าจำเป็นเร่งด่วนอย่างไร ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเสียหายอย่างไร เวลานี้ ยอมรับว่า อยากให้ช่วยค่าไฟ โดยเริ่มเดือนพฤษภาคมนี้ แต่มีบางส่วนอยากให้เร็วกว่านั้น
นายวิษณุ ยังได้ตอบคำถาม กรณีที่ กกต.ทำหนังสือถึงสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ให้กำชับ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ไม่ให้ทำตัวเป็นหัวคะแนนให้พรรคการเมืองนั้น ในส่วนของข้าราชการต้องกำชับเพิ่มเติมหรือไม่ว่า แล้วแต่ ถ้า กกต. พบว่า ข้าราชการมีปัญหาคงรายงานเข้ามา แต่ถ้ายังไม่มีแจ้งมาแสดงว่า ยังไม่พบปัญหาให้เห็น ตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดาของการเลือกตั้ง เมื่อปี 2562 ก็ทำหนังสือเตือนออกมาเช่นกัน