ครม.มีมติ-ปรับงบเหลือ 10,464 ล้าน มาตรการช่วยค่าไฟแพง ส่งไปขอ กกต. อีกรอบ

หลังจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตีกลับหนังสือของรัฐบาล ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ส่งมาถึงเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 66 โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจาก กกต. ตรวจสอบแล้วพบว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เห็นชอบในหลักการ จะใช้งบกลาง 11,112 ล้านบาท ในการจะบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาค่าไฟฟ้าแพง เพื่อขอให้ กกต. ให้ความเห็นชอบตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 กำหนด จึงเห็นว่า หนังสือที่ส่งมายังดำเนินการไม่ครบถ้วนตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และได้ส่งหนังสือดังกล่าวกลับไป

ล่าสุดวันนี้ (2 พ.ค. 66) ครม. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมได้อนุมัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ 2566 งบกลางวงเงิน 10,464 ล้านบาท สำหรับดำเนินมาตรการในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 ถึงเดือนสิงหาคม 2566 เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน จากสถานการณ์ราคาพลังงาน

โดยสรุปจากการแถลงของนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีรายละเอียดเฉพาะมาตรการขั้นบันได ที่เปลี่ยนแปลงไปตาม ผลประชุมครม. เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 66 ดังนี้

1. มาตรการต่อเนื่องของกระทรวงพลังงานที่ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงาน ที่ดำเนินการอยู่ในช่วงมกราคม – เมษายน 2566

สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้า ในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ

โดยเป็นมาตรการช่วยเหลือในส่วนของการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าแบบขั้นบันได เป็นเวลา 4 เดือนสำหรับค่าไฟฟ้าประจำเดือนพฤษภาคม -สิงหาคม 2566 โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มวงเงิน 6,954 ล้านบาทโดยมีรายละเอียด ดังนี้

ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย (ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (Ft) รอบเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 อยู่ที่ 91.19 สตางค์ต่อหน่วย

– ใช้ไฟฟ้า 1- 150 หน่วยต่อเดือน ส่วนลดค่าไฟฟ้า 89.80 สตางค์ต่อหน่วย ผลต่างค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สตางค์ต่อหน่วย

– ใช้ไฟฟ้า 151-300 หน่วยต่อเดือน ส่วนลดค่าไฟฟ้า 64.80 สตางค์ต่อหน่วย ผลต่างค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์ต่อหน่วย

– ใช้ไฟฟ้า 301 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป ผลต่างค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) เรียกเก็บและส่วนลด 91.19 สตางค์ต่อหน่วย

งบประมาณที่ใช้ สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ 6,954 ล้านบาท (1,738.50 ล้านบาทต่อเดือน) ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับประโยชน์ 18.32 ล้านราย เท่ากับร้อยละ 78.42 ของบ้านอยู่อาศัยทั้งหมด

2. มาตรการเร่งด่วน ช่วยค่าไฟ 1 เดือน เฉพาะรอบบิลเดือนพฤษภาคมนั้น รายละเอียดเหมือนกับการประชุมครม.ครั้งที่แล้ว คือ

สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ของการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ

โดยเป็นการลดค่าไฟฟ้าในรอบบิลเดือนพฤษภาคม 2566 จำนวน 150 บาทต่อราย จำนวนประมาณ 23.40 ล้านราย ใช้วงเงินงบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 3,510 ล้านบาท โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม

ทั้งนี้ ครม. จะเสนอ กกต. พิจารณาให้ความเห็นชอบการใช้งบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) กำหนดต่อไป

“คิดว่า จะดำเนินการโดยเร็ว แต่ก็อยากให้ทำให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 เท่าที่รับทราบ อะไรเป็นความเดือดร้อนของประชาชนไม่น่ามีปัญหาอะไร ส่วนจะทันรอบบิลในเดือนพฤษภาคมหรือไม่นั้น ขอให้ทุกฝ่ายรอ แต่ก็จะทำให้เร็วที่สุด หากดำเนินการได้เร็ว ก็จะทันรอบบิลในเดือนพฤษภาคม นี้ และคาดการณ์ว่าสถานการณ์ด้านพลังงานเดือนหน้าน่าจะดีขึ้น การใช้ไฟเริ่มลดลง ราคาค่าแก๊ส น้ำมัน น่าจะลดลงบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งถึงมติครม. เรื่องช่วยค่าไฟแพงในวันนี้

เลือกตั้ง 66 กกต.ตีกลับหนังสือรัฐบาล ขออนุมัติ 11,112 ล้าน ช่วยค่าไฟแพง หลังพบว่า ไม่มีมติครม.

สรุปมติครม. เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 66 รัฐบาลขอ กกต. อนุมัติงบ 11,112 ล้าน แก้ปัญหาค่าไฟแพง