บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการ ไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีรายได้รวม 10,291 ล้านบาท เติบโต 27% จากปีก่อน ด้านกำไรก็ไม่น้อยหน้า อยู่ที่ 3,246 ล้านบาท เติบโต 39% จากปีก่อน พร้อมประกาศพัฒนาโมเดลธุรกิจแห่งอนาคต มุ่งสู่ ‘The Ecosystem for All’ ด้วยการ เชื่อมโยงทุกธุรกิจ โดยมี Retail เป็นหัวใจหลัก บวกกับธุรกิจที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม ธุรกิจทั้งระบบต้องแข็งแกร่ง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนทั้ง Online & Offline สามารถขยายไปสู่ธุรกิจ New Assets อื่นๆ ให้เติบโตยิ่งขึ้นและยั่งยืนในทกด้าน
นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของเซ็นทรัลพัฒนา พูดถึงผลประกอบการของบริษัทฯ ฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดดในปี 2565 มาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะธุรกิจศูนย์การค้าซึ่งมีรายได้ฟื้นตัวมากกว่าช่วงก่อนโควิด เดินหน้าตามแผนเปิดโรงแรมใหม่ในจังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ Centara Ubon และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้เปิดคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่อย่าง Marché Thonglor อีกทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ ก็ได้เปิดตัวสถานี Tesla First Supercharger Station แห่งแรกในไทย อีกหนึ่ง Facility ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ยังมีร้าน Shake Shack ร้านฟาสต์ฟู้ดดังจากอเมริกาเปิดร้านสาขาแรกในไทยที่เซ็นทรัลเวิลด์ด้วย ส่วนเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้จัดงาน THAILAND’S SONGKRAN FESTIVAL 2023 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ดันเทศกาลสงกรานต์ไทยขึ้นแท่น Festive ระดับโลกที่คนทั่วโลกต้องมาเยือนเหมือนที่ทำสำเร็จมาแล้วในงาน Countdown โดยผลตอบรับจากงานนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม มีนักท่องเที่ยวไทย-ต่างชาติเข้าร่วมงานจำนวนกว่า 8 ล้านคน ในระยะเวลาการจัดงาน 4 วัน (13-16 เม.ย. 2566)
ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2566 เซ็นทรัลพัฒนา มีศูนย์การค้าภายใต้การบริหารงานทั้งหมด 39 โครงการ (ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 37 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 15 โครงการ ต่างจังหวัด 21 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ, ศูนย์การค้าเอสพละนาด 1 แห่ง และศูนย์การค้าเมกะ บางนา ภายใต้กิจการร่วมค้าอีก 1 แห่ง) คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ มีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 2.3 ล้านตารางเมตร นอกจากนี้ ยังบริหารศูนย์อาหาร 33 แห่ง อาคารสำนักงาน 10 อาคาร โรงแรม 5 แห่ง โครงการที่พักอาศัย 28 โครงการ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ESCENT, ESCENT VILLE, ESCENT PARK VILLE, PHYLL และ BELLE GRAND RAMA 9 และโครงการแนวราบภายใต้แบรนด์ ESCENT TOWN (ทาวน์โฮม) ESCENT AVENUE (โฮมออฟฟิศ) NINYA (บ้านแฝด) NIYAM (บ้านเดี่ยวระดับลักชูรี่) และโครงการแนวราบหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์ NIRATI ที่เชียงใหม่ เชียงราย บางนา และดอนเมือง
โครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและเตรียมเปิดในปี 2566-2567 ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ (กำหนดเปิด 27 ต.ค. 66) เซ็นทรัล นครสวรรค์ (Q1/2567) เซ็นทรัล นครปฐม (Q2/2567) เซ็นทรัล กระบี่ (Q4/2567) และโครงการอื่นๆ ที่เตรียมเปิดในปีนี้ ได้แก่ โรงแรม Centara Ayutthaya โรงแรม Centara One Rayong โรงแรม GO! Hotel อยู่ติดกับเซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี และโครงการที่อยู่อาศัย 7 โครงการ (NIRATI นครศรีธรรมราช บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม ESCENT 3 โครงการ) นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Mega Mixed-use “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” big project ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยจะทยอยเปิดให้บริการในปี 2567 เป็นต้นไป
สำหรับทิศทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2566-2570) บริษัทฯ เดินหน้าลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ทั้งที่ประกาศไปแล้วและยังไม่ได้ประกาศ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า รวมทั้งบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน รวมทั้งยังคงศึกษาโอกาสการลงทุนธุรกิจในรูปแบบอื่น และการลงทุนในต่างประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตมั่นคงและยั่งยืน
ส่วนด้านของกองทรัสต์ CPNREIT ซึ่งเซ็นทรัลพัฒนาเป็นผู้สนับสนุน (Sponsor) ผู้ถือหน่วยทรัสต์รายใหญ่ และผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ยังคงให้ความสำคัญและสนับสนุน CPNREIT อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีและมั่นคงแก่ CPNREIT และผู้ถือหน่วยทรัสต์ ทั้งในแง่การบริหารทรัพย์สิน การดูแลให้มีการปรับปรุงและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และมุ่งสนับสนุนการสร้างการเติบโตของ CPNREIT อย่างมั่นคงทั้งด้านรายได้และขนาดของทรัพย์สิน รวมถึงการสนับสนุนการจัดโครงสร้างการลงทุนของ CPNREIT ให้มีการระดมทุนอย่างเหมาะสมสำหรับการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม
โดยผลประกอบการของ CPNREIT ในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 เติบโตต่อเนื่องในทิศทางเดียวกับบริษัทฯ โดยมีรายได้รวม 1,424 ล้านบาท โต 28% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 1,149 ล้านบาท โต 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และประกาศจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์จำนวน 0.3220 บาทต่อหน่วย ปัจจุบัน ผู้จัดการกองทรัสต์ CPNREIT เตรียมเดินหน้าการต่อสัญญาสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และการปรับโครงสร้างการจ่ายชำระค่าตอบแทนการต่อสิทธิการเช่าโครงการเซ็นทรัล พระราม 2 ซึ่งจะดำเนินการนำเสนอรายละเอียดต่อผู้ถือหน่วยทรัสต์เพื่อพิจารณาขออนุมัติในไตรมาส 2 ของปี 2566 นี้