‘Season Five’ จับมือศิลปินน้องใหม่ ‘Miteennn’ ร่วมคอลแลปส์ซิงเกิลพิเศษ ‘ฉันมีความโสด’

‘Season Five’ จับมือศิลปินน้องใหม่ ‘Miteennn’ ร่วมคอลแลปส์ซิงเกิลพิเศษ ‘ฉันมีความโสด’ ประกอบรายการ Take Me Out Thailand

สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการบันเทิงไม่เคยหยุด ล่าสุดผู้นำคอนเทนต์คุณภาพ “ทีวี ธันเดอร์” จับมือร่วมกับ “ค่าย Me Records” และ “Home Run Music” ภายใต้ “มิวซิกมูฟกรุ๊ป” ส่งเพลง “ฉันมีความโสด” ผลงานจากปลายปากกาของนักแต่งเพลงมือเทพ “ฟองเบียร์” เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง และทำนอง ถ่ายทอดบทเพลงโดย ศิลปินวง “Season Five” และได้น้องใหม่วัยใสมาร่วมฟีเจอริ่ง “น้องมิสทีน” ที่แต่งเนื้อแร๊พเองและร่วมร้อง ทั้งยังครีเอทท่าเต้นสุดคิ้วท์ โดยเพลงนี้มอบให้เป็นเพลงประจำรายการมหาชนคนโสด Take Me Out Thailand

กฤษติกร พรสาธิต (ติ๊ก  Playground) ผู้บริหารค่าย Home Run Music ในเครือ มิวซิกมูฟกรุ๊ป กล่าวถึงการทำงานร่วมกันครั้งนี้ว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้ทำงานร่วมกันเพราะรายการ Take Me Out Thailand เป็นรายการที่อยู่มานาน และยังคงมีคนติดตามดูอย่างต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ ที่สำคัญทางรายการไม่เคยเปลี่ยนเพลงที่ใช้ในรายการเลยครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก ก็เป็นอะไรที่ท้าทาย รู้สึกตื่นเต้น และแอบกดดันเล็ก ๆ ว่าเพลงของเราเมื่ออยู่ในรายการแล้วจะเข้ากันมั้ยนะ จริงๆ แล้วเพลงสามารถเป็นสื่อกลางของคนได้เพราะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของภาษา

ดังนั้นเพลงคือภาษาสากลที่ไม่ว่าเราจะรู้ความหมายหรือไม่รู้ความหมาย เเต่ก็ยังสามารถเข้าถึง อารมณ์ ความรู้สึก หรือเข้าใจกระทั้งความต้องการของผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารได้ เป็นตัวช่วยในการถ่ายทอดความหมายของเพลงนั้น ๆ ซึ่ง Music Marketing มีอิทธิพลต่อผู้บริโภคอย่างมากในเรื่องของความรู้สึกนึกคิดและเข้าถึงอารมณ์ การสร้างการจดจำระหว่างตัวสินค้ากับตัวผู้บริโภค ผ่านทางเนื้อหาของเพลงและการใช้เมโลดี้ที่เข้าใจง่าย น่าจดจำ เพื่อโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมายของแคมเปญนั้น ๆ  มีผลทำให้คนเข้าถึงและรู้จักเพลงๆ นั้นมากยิ่งขึ้น ผ่านการมองเห็นซ้ำ ๆ

ทำให้เกิดการรับรู้รับฟังและสร้างภาพจำท้ายที่สุดของแคมเปญ Music Marketing คือการที่ผู้บริโภคจะนึกถึงเพลงที่พูดถึงเนื้อหาของแบรนด์เมื่อเกิดความต้องการสินค้า ณ ช่วงเวลานั้น ๆ ในกรณีของเพลงประจำรายการ “Take Me Out Thailand” ก็เช่นกัน ยิ่งปัจจุบันสามารถนำเพลงไปใช้ในฟังก์ชันอื่น ๆ ได้อีกด้วยอาทิ แชร์เพลงนี้ลงใน Instagram  หรือ Facebook ได้อีกด้วย”

“ณฐกฤต” กล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากเพลงประจำรายการใหม่แล้วตอนนี้เพลงและท่าเต้นกลายเป็นชาเลนจ์ที่อยู่ในแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งเราเองก็ร่วมกันวางแผนทำให้ 1+1 มันได้มากกว่า 2 ช่วยต่อยอดผลงานซึ่งกันและกัน ด้วยการเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างเช่น TikTok เข้ามามีอิทธิพลกับคนรุ่นใหม่จริงๆ   เราใช้เวลาอยู่บน TikTok นานขึ้น การจับอัลกอริทึมในเรื่องที่เราสนใจก็แม่นยำ ผมเชื่อว่าการใช้ Music Marketing เข้ามาเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สื่อสารถึงรายการจะทำให้ Take Me Out Thailand มีโอกาสขยายฐานให้คนรู้จัก และสามารถเข้าไปอยู่กับไลฟ์สไตล์ของคนได้มากขึ้น อย่างที่บอกเราไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตัวรายการ หาจุดคอนเนครายการกับคนดูกลุ่มใหม่ๆ พร้อมทั้งเราหาอะไรใหม่ๆ มาเป็นของขวัญให้แฟนรายการเป็นประจำที่อยู่กันมานานอย่างเหนียวแน่นครับ”

ทางด้านผู้บริหารหนุ่ม “ณฐกฤต วรรณภิญโญ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการบริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) พูดถึงการทำงานร่วมกันว่า “Take Me Out Thailand ก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 แล้ว ด้วยความรายการอยู่มานาน เราจึงพยายามหากลยุทธ์ หาไอเดียใหม่ๆ ให้รายการไม่หยุดนิ่ง อย่างก่อนหน้านี้เรามีการเปลี่ยนพิธีกรเป็น “ต้นหอม” ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี อันที่จริงเรามีกลุ่มฐานคนดูที่เป็นแฟนรายการอยู่เหนียวแน่น แต่เราก็อยากคุยกับกลุ่มคนดูใหม่ๆ ด้วยเช่นน้องๆ หรือวัยรุ่น ที่บางคนอาจเคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยดูรายการ ก็คิดว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้เค้ารู้จัก Take Me Out Thailand บ้าง

จนมีโอกาสคุยกับมิวซิกมูฟกรุ๊ป ได้ใช้จุดแข็งของเราทั้งคู่ แลกเปลี่ยนข้อมูลของรายการกับเพลงร่วมกันจนได้เป็นเพลง “ฉันมีความโสด” มาเป็นเพลงประจำรายการ ผมเองมีความเชื่อว่าการทำ Music Marketing ยังครองใจคนได้ดี ด้วยเพลงถือเป็น Soft power อย่างหนึ่ง ที่สามารถเข้าไปแท๊ปอยู่กับทุกไลฟ์สไตล์ของคนได้ง่าย ด้วยแพลตฟอร์มเอ็นเตอร์เทนเมนท์เพลงก็เติบโตอย่างแข็งแรง จึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายว่าทำยังไงให้รายการและเพลงเชื่อมโยงถึงกันได้ ทำยังไงที่จะไม่ยัดเยียด Branding แต่คนเข้าใจ และมีส่วนร่วมในสิ่งที่เรานำเสนอ

ตอนแรกที่คุยกันก็เล่าว่า ทีวี ธันเดอร์ ต้องการอะไร อยากได้เพลงแบบไหนที่ตรงกับคาแรคเตอร์รายการ คนโสดไม่จำเป็นต้องเศร้า ทุกคนที่เข้ามาล้วนภูมิใจในความโสด มองโลกในแง่บวกว่าความโสดเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็ไม่ได้อยากอยู่กับมันไปตลอด เพราะฉะนั้นถ้ามีโอกาสได้เจอคนดีก็ขอเลือกที่จะไม่โสดสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวทีมันจึงมีความคึกคัก มีอารมณ์ขัน จิกกัดความโสดอยู่ตลอดเวลา เราอยากให้คนที่ฟังเพลงรู้สึกเหมือนดูรายการ ก็คือสนุกไปด้วยแต่ก็ตรงใจเพราะว่าเราปั๊มสถานภาพโสดที่หน้าผากเหมือนกัน ความรู้สึกแรกที่ได้ยินเพลง “ฉันมีความโสด” เนื้อเพลงกับเมโลดี้ของเพลงมันติดหู จำได้ทันทีไม่ได้มีความซับซ้อน ฟังแล้วเข้าถึงง่าย เนื้อหาทุกอย่างตรงตามคาแรคเตอร์ของรายการ

ซึ่งต้องขอบคุณทาง มิวซิกมูฟกรุ๊ป ทั้งค่าย Me Records และค่าย Home Run Music, คุณฟองเบียร์, Season Five และ น้องมิสทีน ที่ทำเพลงออกมาได้ตรงใจขนาดนี้