SHARE

คัดลอกแล้ว

หากพูดถึงแบรนด์ ‘บิ๊กซี’ หลายคนคงนึกถึงไฮเปอร์มาร์เก็ตสีเขียวที่มีสินค้าให้ซื้อครบครัน มีร้านขายของอื่นๆ ให้พอจับจ่ายใช้สอยอยู่บ้าง

แต่ในวันนี้ที่บิ๊กซี แบรนด์ที่อยู่คู่ไทยมา 30 ปี กำลังแต่งตัวเพื่อเตรียมเข้าตลาดฯ อีกครั้งในชื่อบริษัทว่า ‘บมจ. บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น’ (BRC) ก็ได้วางกลยุทธ์สร้างการเติบโตไว้หลากลายด้านด้วยกัน

และหนึ่งในนั้นคือการปั้นโมเดลใหม่ที่ชื่อว่า ‘BigC Place’ ที่นอกจากจะมาดีไซน์ใหม่แบบสับ การใช้พื้นที่ก็ยังเน้นไปที่ไลฟ์สไตล์มากขึ้น

‘อัศวิน เตชะเจริญวิกุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ “BRC” บอกว่า BigC Place เป็นการนำสาขาที่มีลูกค้าใช้บริการสูง มีการจับจ่ายใช้สอยเยอะ มารีโนเวตให้เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่เพื่อยกระดับการใช้บริการของลูกค้า

การยกระดับที่ว่าคือการที่วางเป้าหมายให้ BigC Place เป็น Top Destination สําหรับการจับจ่ายและพักผ่อนของชุมชน ทำให้มีการใช้พื้นที่ไปเป็นส่วนของ ‘พื้นที่เช่า’ มากกว่าพื้นที่ร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตของบิ๊กซีแบบในอดีต

อัศวิน เตชะเจริญวิกุล

กล่าวคือ ภายใน BigC Place นอกจากจะมีโซนซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ก็ยังประกอบไปด้วยพื้นที่ช้อปปิ้งอื่น, พื้นที่ Edutainment, พื้นที่เช่าสำหรับบริการด้านสุขภาพและความงาม, พื้นที่ที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง, พื้นที่เล่นเกม, พื้นที่เช่าเชิงไลฟ์สไตล์, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และศูนย์อาหาร

โดยประเดิม 2 สาขาแรกที่เปลี่ยนไปเป็น BigC Place ได้แก่ สาขาลำลูกกา และสาขารัชดาภิเษก ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2566 นี้แน่นอน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะเปลี่ยนสาขาอื่นไปเป็นโมเดล BigC Place มากขึ้นในอนาคตด้วย

ถามว่าทำไมบิ๊กซีต้องทำโมเดลใหม่?

เพราะหากมองไปในรายได้ของบิ๊กซี รีเทล ในปี 2565 ที่อยู่ที่ 101,925 ล้านบาท แม้รายได้จากการขายสินค้าจะเป็นรายได้ส่วนใหญ่ แต่รายได้จากพื้นที่ให้เช่าก็สูงถึง 9,099 ล้านบาท ฟื้นตัวแรงจากช่วงโควิดปี 2564 ที่อยู่ที่ 7,803 ล้านบาท

ไม่เพียงเท่านั้น รายได้จากพื้นที่เช่ายังถือเป็นรายได้ประจำ และสร้างสัดส่วนผลกำไรได้มาก ขณะที่ผู้เช่ารายใหญ่ๆ เช่น โรงภาพยนตร์, ฟิตเนส, ศูนย์สินค้าไอที ก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น

ในแง่ของพื้นที่เช่าชั่วคราวก็ตอบเทรนด์และความต้องการในแต่ละพื้นที่ได้ดี หรือแม้แต่การมีศูนย์อาหารก็ช่วยเพิ่มระยะเวลาที่ลูกค้าจะใช้เวลาอยู่ในบิ๊กซีได้นานขึ้น

เท่ากับว่าการมีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้น ก็มีโอกาสดึงลูกค้าเข้ามาได้มากขึ้น ลูกค้าใช้เวลาในบิ๊กซีนานขึ้น ซึ่งก็มีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้นไปด้วยนั่นเอง

[ ลุยต่างประเทศ ]

นอกจากการเปิดตัวโมเดลใหม่อย่าง BigC Place แล้ว บิ๊กซี รีเทล ยังมีแผนสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น

-เปิดสาขาใหม่เพิ่มเติมในไทย เน้นไปที่ร้านค้าดั้งเดิมและร้านค้าไซส์เล็ก เนื่องจากผังเมืองค่อนข้างกระชับแล้ว การเปิดสาขาใหญ่ทำได้ยากกว่า

-ปรับปรุงสาขาเดิมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มสาขาที่รองรับนักท่องเที่ยวจาก 25 สาขา เป็น 60 สาขา

-ขยายสาขาเอเชียบุ๊คส์ 14 สาขาภายในสิ้นปี 2566 และ 6 สาขาในปี 2567

-เพิ่มจำนวนร้านค้าโดนใจเป็น 4,000 ร้านในระยะสั้น และเพิ่มเป็น 15,000 ร้านในระยะกลาง จากปัจจุบันมีอยู่ราว 1,170 แห่ง

-ธุรกิจค้าส่งยังเป็นหัวใจ โดยตั้งเป้าขยาย BigC Depot เพิ่ม รวมถึงวางแผนขยาย BigC Food Service เพิ่มอีก 5-8 สาขา

-พัฒนาช่องทางการขายแบบออมนิแชนแนล ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า, โซเชียลมีเดีย, แพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงช่องทางการขายดิจิทัลข้ามประเทศ

-ตั้งเป้าเปิดสาขาใหญ่ใน สปป.ลาว และกัมพูชา ปีละ 1 สาขา โดยถอดโมเดลความสำเร็จในไทยไปใช้

-รักษาฐานลูกค้าสมาชิกบิ๊กพอยต์ที่มีอยู่กว่า 18 ล้านราย โดยพบว่าสมาชิกนั้นมียอดใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าที่ไม่ใช้สมาชิกถึง 3 เท่า

โดยบิ๊กซี รีเทล วางแผนใช้เงินลงทุนปีละประมาณ 10,000 ล้านบาท

[ ถ้า GDP โต ค้าปลีกโต ]

บิ๊กซี รีเทล ยังให้มุมมองถึงภาพรวมวงการค้าปลีกที่มีแนวโน้มสดใสขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยบวกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยว

โดยคาดว่าหาก GDP ไทยเติบโตได้มากกว่า 3% ตลาดค้าปลีกก็น่าจะเติบโตได้ราว 8.7%

ขณะที่บิ๊กซี รีเทล ภาพรวมไตรมาส 1/66 รายได้เติบโต 2.8% เทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากนี้ทั้ง EBITDA ก็โตต่อเนื่อง และมาร์จิ้นก็ทำได้ดี จึงเรียกได้ว่าตอนนี้ ‘บิ๊กซี รีเทล’ มีความพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดฯ และพร้อมสำหรับการแข่งขัน โดยตั้งเป้าเป็นผู้นำอันดับต้นๆ แห่งวงการค้าปลีกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า