‘ทนายอั๋น’ บุกจี้ กกต. สอบ ‘เรืองไกร’ แจ้งความเท็จ ปมร้องหุ้น ITV ของ ‘พิธา’
นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น วันนี้ (12 มิ.ย. 66) ได้เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้สอบข้อเท็จจริง กรณีคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ที่ยื่นร้องเรียนกรณีหุ้นไอทีวี (ITV) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ตามเรื่องธรรมนูญมาตรา 98 (3)
โดย นายทนายอั๋น เห็นว่า นายเรืองไกร ได้เสนอหลักฐานอ้างว่านายพิธา เป็นผู้ถือหุ้น ITV เป็นการส่วนตัวไม่ใช่ถือในฐานะผู้จัดการมรดก ขณะที่กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้ระบุชัดเจนว่าอำนาจของผู้จัดการมรดก มีหน้าที่ระบุหนี้สินและทรัพย์สินและแจกจ่ายให้กับทายาทตามกฎหมาย นั่นหมายความว่า การเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นทายาทโดยตรง ซึ่งอาจจะเป็นบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า บทบาทหน้าที่และความหมายของการถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดก ในฐานะส่วนตัวมองว่า แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ขณะที่ล่าสุดยังมีการเปิดเผยคลิปวีดิโอการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นที่ระบุชัดเจนว่า บริษัทไอทีวี ไม่ได้ดำเนินกิจการสื่อมวลชน ซึ่งอาจจะขัดต่อเอกสารที่นายเรืองไกร นำมาร้องต่อ กกต.
แต่กรณีที่นายเรืองไกร พยายามที่จะยื่นหลักฐานต่อกกต.เรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติขั้นต้น ตนพบข้อมูลว่านายพิธา ถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดกเท่านั้น ไม่ได้ถือในนามส่วนตัว จึงมาว่าการกระทำของนายเรืองไกร อาจเข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 143 ที่ระบุว่าผู้ใดกระทำการอันเป็นเท็จให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าผู้สมัครฝ่าฝืน และไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย บุคคลดังกล่าวอาจมีความผิด ต้องโทษจำคุกในที่สุด จึงอยากให้กกต.ตรวจสอบคำร้องของนายเรืองไกร ว่าเข้าข่ายกระทำการผิดกฎหมายหรือไม่
ทนายอั๋น เชื่อว่า คลิปที่ปรากฏ ผ่านสื่อเป็นคลิปจริง และย้ำว่า นายเรืองไกร ผิดมาตรา 143 หรือไม่ เพราะการยื่นตรวจสอบต้องใช้ข้อมูลข้อเท็จจริง แต่หากข้อมูลปรากฏไม่ตรงกับความเป็นจริง เข้าความผิดตามมาตรา 143 มีโทษจำคุก 7-10 ปี ทั้งนี้ ทนายอั๋น ระบุด้วยว่า ยินดีที่จะเดินทางมาให้ข้อมูลกับ กกต. และเรียกร้องขอให้ กกต. ปฏิบัติกับคำร้องของตนเช่นเดียวกับคำร้องของนักร้องท่านอื่นด้วย