แม่ชาวไทยตามหาลูกน้อยวัยแบเบาะหลังสามีพาลูกหนีหายข้ามแดนเป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้วทั้งที่มีได้สิทธิการเลี้ยงดูลูก ตั้งคำถามลูกน้อยข้ามแดนอย่างไรแม้ไม่มีเอกสารติดตัว
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวมาเลย์เซีย มาเลย์เมล์ รายงายว่า แอนนา ลีเลิศวงศ์ภักดี แม่ชาวไทยพร้อมด้วย เฉินยี่เจิน ทนายความ เข้าร้องเรียนโดยชี้ว่าอดีตสามีของเธอลักลอบพา ‘ไคลี่’ ลูกน้อยวัยทารกข้ามแดนมาเลเซียเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา โดยเธอและทนายความพยายามกว่า 3 เดือนในการตามหาลูกแต่ยังไร้เงา
ข้อมูลจากทนายความชี้ว่า แอนนาและสามีแต่งงานกันตั้งแต่ปี 2558 และอาศัยอยู่ที่เมืองสุบังจายาและเมืองกลังก่อนจะย้ายมาอยู่ประเทศไทยในปี 2564 จากนั้นในเดือนพฤศจิกายน ปี 2564 ศาลสูงสุดของกรุงกัวลาลัมเปอร์ได้ตัดสินให้ทั้งคู่หย่าร้างและได้รับสิทธิการเลี้ยงดูร่วมกัน โดยอดีตสามีจะรับลูกน้อยมาอยู่กับตนตั้งแต่วันอาทิตย์ไปจนถึงวันอังคารเวลา 1 ทุ่ม ขณะที่แอนนาต้องพาลูกไปโรงเรียนในวันพุธและวันพฤหัสบดี ดูแลไปจนถึงวันเสาร์
อย่างไรก็ดีแอนนากล่าวว่าหลังวันที่ 18 เมษายน 2566 เป็นต้นมา อดีตสามีกลับไม่ได้ส่งลูกกลับมาให้เธอ จนหวั่นว่าจะมีการลักพาตัว และให้สัมภาษณ์มาเลย์เดลี่ว่า เธอได้รับข้อความจากอดีตสามีว่าได้พาลูกไปมาเลเซียและเมื่อโทรศัพท์พูดคุยกันอดีตสามีก็บอกเธอว่าเขาจะดูแลลูกเอง เธอจะไม่ได้พบลูกอีกต่อไป
หลังจากนั้นเจ้าตัวรีบรวบรวมเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ พบภาพจากกล้องวงจรปิดที่ล็อบบี้คอนโดที่พักบันทึกภาพสุดท้ายของลูกน้อยได้เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2565 โดยเห็นลูกน้อยอยู่กับสามีและครอบครัวสามีในเวลา 8.09 น. ถือกระเป๋ามากมายคล้ายกับจะย้ายที่อยู่อาศัย หลังจากนั้นกล้องอีกแห่งที่จับภาพได้คือที่โรงแรมในจังหวัดสงขลาเมื่อเวลา 18.00-19.00 น. เชื่อว่าเป็นเหตุการณ์ก่อนที่จะข้ามแดนไปยังมาเลเซีย
ทั้งนี้ เมื่อแอนนาส่งหนังสือร้องขอประวัติการเดินทางของลูกเธอต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 กลับพบเพียงบันทึกการเดินทางของอดีตสามีเดินทางเข้ามาเลเซียวันที่ 17 เมษายน 2566 ไร้วี่แววบันทึกการเดินทางของลูกน้อยของเธอ
นายเฉินทนายความตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดเด็กเล็กวัย 4 ขวบจึงสามารถเดินทางข้ามประเทศได้โดยไม่มีหนังสือเดินทาง เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ดำเนินการตามขั้นตอนรักษาความปลอดภัยและตรวจสอบเอกสารข้ามแดนอย่างถูกต้องหรือไม่ และขยายคำถามไปว่า “เป็นเรื่องปกติหรือไม่ที่การรักษาความปลอดภัยพรมแดนล้มเหลวเช่นนี้”
ตลอดระยะเวลาสามเดือนแอนนาดำเนินขั้นตอนทางกฎหมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยื่นการแจ้งความหรือขอคำสั่งศาลในมาเลเซีย
เมื่อวันที่ 29 เมษายน เธอยังได้ไปแจ้งความฐานลักพาตัวที่ย่าน Sentul โดยตำรวจบอกเธอว่าอดีตสามีได้มาลงบันทึกประจำวันว่าพาสปอร์ตของลูกน้อยหายไม่กี่วันก่อนวันที่เธอไปแจ้งความฐานลักพาตัว
ส่วนกรณีการยื่นขอคำสั่งศาลเป็นการชั่วคราวให้สามีคืนลูกภายในสามวัน ศาลมาเลเซียมีคำสั่งอนุมัติ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 ศาลได้ร้องขอให้ตำรวจดำเนินการช่วยเหลือให้คำสั่งบรรลุผลและอำนวยความสะดวกให้พาลูกน้อยกลับไทยให้แอนนาแต่ยังไม่มีการดำเนินการใดเกิดขึ้น
ในคำสั่งศาลยังระบุว่าหากในอนาคตมีการพบระหว่างลูกน้อยกับอดีตสามีอีกจะจำกัดเวลาเหลือเพียง 30 นาทีและต้องอยู่ในสายตาของแอนนาเท่านั้น
แอนนาแจ้งผู้สื่อข่าว TODAY ว่าร้อนใจเนื่องจากพยายามทุกทาง ไม่ทราบว่าอดีตสามีพาลูกไปอยู่ที่ใด หากหาที่อยู่พบก็อาจแจ้งกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้หาได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
สื่อมาเลเซียนะบุว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุแจ้งการลักลอบพาเด็กไประหว่างชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยก่อนหน้านี้เคยมีนางเอ็ม อินทิรา คาธี ที่สามีชาวมุสลิม มูฮัมหมัด ริดวน อับดุลลา ได้พาลูกสาวข้ามแดนจากมาเลเซียไปไทยมาก่อนแล้ว