Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ลอรีอัล กรุ๊ป (L’Oréal) เปิดเผยงานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ ในงาน World Congress of Dermatology 2023 หรือการประชุมแพทย์ผิวหนังครั้งที่ 25 จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ งานนี้จัดขึ้นทุกๆ 4 ปี มีชื่อเรียกในวงการว่า “งานโอลิมปิกแห่งวงการแพทย์ผิวหนัง” ซึ่งได้รวมแพทย์ผิวหนัง นักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัยกว่า 11,000 คน 

โดยงานประชุมนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1889 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยจุดประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนผลงานวิจัย และความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ด้านผิวหนัง ทั้งจากผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆ ที่การันตีโดยแพทย์ผิวหนัง ซึ่งลอรีอัลก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

สำนักข่าว TODAY มีโอกาสได้ไปร่วมงานประชุมในครั้งนี้ และได้นำผลวิจัยจากกลุ่มแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางของลอรีอัล (L’Oréal Dermatological Beauty) ที่จัดทำโดยแบรนด์สกินแคร์ในเครือลอรีอัล กรุ๊ป อย่าง ลา โรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) วิชี่ (Vichy) และเซราวี (Cerave) มาเล่าให้ฟัง

[ จากพลังของวิทยาศาสตร์ สู่แบรนด์สกินแคร์ระดับโลก ]

จุดเริ่มต้นของลอรีอัลเกิดขึ้นในปี 1909 ด้วยวิสัยทัศน์แรกคือเรื่องของ ‘วิทยาศาสตร์’ โดยเออจีน ชูแลร์ (Eugène Schueller) นักเคมีชาวฝรั่งเศส ได้คิดค้นน้ำยาทำสีผม ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นในยุคนั้น เนื่องจากสินค้ามีความปลอดภัยและสามารถนำไปใช้จริงจากพลังของวิทยาศาสตร์และห้องแล็บ

แน่นอนว่า พลังของวิทยาศาสตร์ในวันนั้น ได้ส่งต่อมายังดีเอ็นเอของลอรีอัลในวันนี้  

ในงาน World Congress of Dermatology 2023 ลอรีอัล กรุ๊ป ได้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่จัดแสดงนิทรรศการ และจัดการประชุมสัมมนา เพื่อนำผลการศึกษาและงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มานำเสนอ

ลอรีอัล ระบุว่า ได้ทำงานกับแพทย์ผิวหนังอย่างใกล้ชิด และทำวิจัยภายใต้แบรนด์ในเครือทั้ง 3 แบรนด์ ได้แก่ ลา โรช-โพเซย์ (La Roche-Posay) วิชี่ (Vichy) และเซราวี (Cerave) เพื่อนำเสนอผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ดังนี้:

– การศึกษาด้านระบาดวิทยาที่เกี่ยวกับผลกระทบของฮอร์โมนที่มีต่อผิวหนัง หนังศีรษะ และสุขภาวะ

– ความแตกต่างทางชาติพันธุ์ที่มีผลต่อโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง 

– บทบาทของเวชสำอางดูแลปัญหาสิวในการจัดการกับสิวระดับเล็กน้อยถึงปานกลางสำหรับผิวพรรณ

– ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับแสงแดดและพฤติกรรมการป้องกันแสงแดด 

– การศึกษายืนยันว่ามอยเจอร์ไรเซอร์ซึ่งสามารถปกป้องปราการผิวและปรับสมดุลไมโครไบโอมของผิวเป็นพื้นฐานของการจัดการโรคอักเสบเรื้อรังผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง  

[ งานวิจัยของลา โรช-โพเซย์ ]

ลา โรช-โพเซย์ได้นำผลการศึกษาเรื่องความผิดปกติของสีผิว จากการศึกษาใน 34 ประเทศ และสำรวจประชากรทั้งหมด 48,000 คน ถือเป็นการสำรวจครั้งใหญ่ที่สุด ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

จากผลการศึกษาพบว่า ความผิดปกติของสีผิว หรือ Pigmentary Disorders (PD) พบได้ในประชากรทั่วไป และยังกระทบคุณภาพชีวิตอย่างมากด้วย โดย 44% ของผู้ป่วยเลือกที่จะปกปิดหรือซ่อนบริเวณผิวหนังที่ผิดปกติจากการมองเห็นของผู้อื่น และ 32% เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการเจอผู้คน

ประชากร 50% มีปัญหาสีผิวผิดปกติอย่างน้อยรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น:

– กระแดด (27%)

– รอยคล้ำใต้วงแขน (18%)

– รอยดำหลังการอักเสบ (15%)

– รอยคล้ำใต้ตา (15%) 

– ฝ้า (11%)

– โรคด่างขาว (8%)

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจยังป้องกันตนเองจากแสงแดดในระดับที่ต่ำ จากตัวเลขที่มีเพียง 38% ที่ปกป้องผิวจากแสงแดดตลอดทั้งปี และมีเพียง 38% ที่คิดว่าแสงแดดเป็นอันตรายต่อผิว

[ งานวิจัยของวิชี่ ]

ส่วนบูธวิชี่ได้นำผลการศึกษาผลกระทบการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่มีต่อผิวพรรณและหนังศีรษะมาแสดงให้ดูในงาน จากการสัมภาษณ์ผู้หญิงที่มีระดับสีผิวและช่วงวัยที่แตกต่างกันใน 20 ประเทศ รวม 20,000 คน ถือเป็นการสำรวจครั้งใหญ่ที่สุด ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนเช่นกัน

จุดประสงค์ของการศึกษาต้องการรู้ว่า ภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ ภาวะหลังคลอด และวัยใกล้หมดประจำเดือน กระทบถึงความผิดปกติของผิวและหนังศีรษะ ตลอดจนสุขภาวะได้อย่างไร

โดยผลการสำรวจพบว่า:

– ผู้หญิงวัยใกล้หมดประจำเดือน กังวลเรื่องปัญหาผิวหมองคล้ำและผิวบางมากที่สุด ส่วนความผิดปกติของหนังศีรษะที่พบบ่อยที่สุดคือ อาการคันหนังศีรษะ

– ผู้หญิงระยะหลังคลอดบุตร รู้สึกว่ามีปัญหาผิว หนังศีรษะ และสุขภาวะในช่วงหลังคลอดบุตร

– ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน กังวลเรื่องริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยมากที่สุด 

– ผู้หญิง 72% รู้สึกว่าฮอร์โมนแปรปรวนส่งผลเสียต่อสุขภาวะ

– ผู้หญิง 61% ระบุว่าเกิดปัญหาผิวหรือผิวแย่ลงในช่วงที่มีประจำเดือน 

[ งานวิจัยของเซราวี ]

นอกจากนี้ ในบูธเซราวี ได้นำผลวิจัยที่เกี่ยวกับ ‘เซราไมด์’ มาพูดถึงในงาน ซึ่งเซราไมด์เป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักที่สำคัญของเซราวี มีหน้าที่ช่วยรักษาและฟื้นฟูปราการผิว เพราะปราการผิวที่ถูกทำลาย อาจกระทบไปถึงโรคผิวหนังต่างๆ เช่น โรคสะเก็ดเงิน สิว ผิวหนังอักเสบ และผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง

เซราไมด์ยังเปรียบเสมือนกาวยึดเซลล์ผิวของเราเข้าไว้ด้วยกัน ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายเข้ามาทำร้ายผิว ทำให้ปราการผิวแข็งแรงและไม่ถูกทำร้าย โดยปราการผิวที่แข็งแรงจะช่วยปกป้องผิวจากการสัมผัสรังสียูวีและมลภาวะ

จากผลการศึกษาในผู้หญิงชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่มีผิวแห้งพบว่า เซราไมด์เป็นตัวบ่งชี้ความแห้งกร้านในผิว และการปรับปรุงสภาพผิวโดยรวม สัมพันธ์กับการเพิ่มขึ้นของระดับเซราไมด์ โดยการฟื้นฟูปราการผิวสามารถลดความแห้งตึงและความรู้สึกไม่สบายผิวในผู้ที่มีภาวะผิวแห้งได้

นอกจากนี้ เซราวีได้นำสินค้ามาให้ทดลองใช้ มีผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ มีเกมตอบคำถามความรู้ด้านผิวหนัง ร่วมเล่นเกมตอบคำถามอย่างสนุกสนานกับแพทย์ผิวหนังหรือ Dermatologist โดยตรง

[ บทสรุปลอรีอัลในงาน World Congress of Dermatology 2023 ]

ต้องบอกว่า ผลการศึกษาวิจัยที่นำมาเสนอในงานประชุมเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะทางลอรีอัลยังได้นำนวัตกรรมส่วนผสมใหม่ และส่วนผสมที่พัฒนาจากหลักวิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Sciences) มาโชว์ในงานด้วย ทั้งนวัตกรรมสารกันแดดเม็กโซริล 400 (Mexoryl 400), โปร-ไซเลน (Pro-Xylane) ส่วนผสมสำหรับ anti-aging, และมาเดคาสโซไซด์ (Madecassoside)

ไม่เพียงเท่านี้ ทางลอรีอัลยังได้นำห้องแล็บที่สามารถรับชมได้แบบใกล้ชิดผ่านแว่น VR และยังมีนวัตกรรมเช็คสภาพผิวของลอรีอัล ดูว่าในอีก 10-15 ปีข้างหน้า สภาพผิวหน้าจะเป็นยังไง แล้วควรใช้ผลิตภัณฑ์ไหนบ้างเพื่อป้องกันหรือรักษา และยังมีแอป Spotscan ที่สแกนหน้าผ่านมือถือเพื่อวิเคราะห์ปัญหาสิวโดยใช้เทคโนโลยี AI

ทั้งหมดนี้ก็คือภาพรวมของ ลอรีอัล กรุ๊ปในงาน World Congress of Dermatology 2023 ซึ่งทำให้เห็นว่า นอกจากความรู้จากงานวิจัยด้านปัญหาผิวที่พบได้จากประชากรทั่วโลกแล้ว วงการสกินแคร์โลกนั้นถูกขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมอย่างแท้จริง

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า