นายกรัฐมนตรีนำคณะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เริ่มทดสอบให้บริการเดือน ก.ย.นี้ คาดรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 60 ล้านคนต่อปี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นำคณะเดินทางลงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เพื่อตรวจความคืบหน้าโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และที่เตรียมจะเปิดให้บริการ โดยเฉพาะอาคาร SAT-1 ที่มีแผนจะเปิด Soft Opening เดือน ก.ย.นี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การตรวจเยี่ยมครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการต่างๆ ภายใต้แผนพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ซึ่งประกอบด้วยหลายโครงการที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญ สนับสนุน และติดตามความคืบหน้ามาโดยตลอด
แต่ที่ให้ความสำคัญวันนี้คือส่วนของอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ซึ่งก็พบว่าในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยตัวอาคารได้มีการก่อสร้างแล้วเสร็จและได้มีการติดตั้งระบบและสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนแล้ว
โดยในการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ ได้มีการทดลองใช้งานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover: APM) ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าระบบล้อยางแบบไร้คนขับซึ่งจะทำหน้าที่ในการรับ-ส่งผู้โดยสาร ระหว่างตัวอาคารผู้โดยสารหลัก กับอาคาร SAT-1
ส่วนอีกโครงการที่ได้ติดตามความคืบหน้าวันนี้คือ การพัฒนาทางวิ่ง หรือ รันเวย์ เส้นที่ 3 ซึ่งก่อสร้างไปแล้วกว่าร้อยละ 73 คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนก.ย. 66 และมีแผนจะเปิดใช้งานในเดือน ก.ค. 67 ซึ่งรันเวย์ใหม่นี้จะทำให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สามารถรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 68 เที่ยวบินต่อชั่วโมง เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมโดยเดินทางออกจาก Main Terminal ตามเส้นทางผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศและออกยังอาคาร SAT-1 โดยระบบ APM ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าระบบล้อยางแบบไร้คนขับ สามารถรับ-ส่งผู้โดยสารใช้ระยะเวลาประมาณ 3 นาที (รวมระยะเวลาโดยสารและเวลารอคอย) รองรับผู้โดยสารได้สูงสุด 210 คนต่อขบวน
อาคาร SAT – 1 มีหลุมจอดประชิดอาคารทั้งหมด 28 หลุมจอด สามารถจอดอากาศยานขนาด Code F (เช่น A380 และ B747-8 ) ได้ 8 หลุมจอด และอากาศยานขนาด Code E (เช่น B747 และ A340 )ได้ 20 หลุมจอด
ส่วนภายในตัวอาคาร SAT-1 มีพื้นที่ใช้สอยรวม 216,000 ตารางเมตร ตัวอาคารมีความสูง 4 ชั้น ประกอบด้วยชั้น G เป็นพื้นที่สำหรับระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ และพื้นที่สำนักงาน, ชั้น 2 เป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาเข้าและพื้นที่สำหรับผู้โดยสารเชื่อมต่อเที่ยวบิน, ชั้น 3 เป็นพื้นที่สำหรับผู้โดยสารขาออก มีพื้นที่พักคอยสำหรับผู้โดยสารรอขึ้นเครื่องเป็นแบบ Open Gate และมีร้านค้าตลอดแนวทางเดิน และ ชั้น 4 เป็นพื้นที่สำหรับห้องรับรองสายการบิน นอกจากนี้ มีชั้นใต้ดินอีก 2 ชั้น ประกอบด้วย ชั้น B2 เป็นพื้นที่สำหรับสถานีขนส่งระบบ APM และ ชั้น B1 เป็นพื้นที่ห้องงานระบบ
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สำหรับสถาปัตยกรรมภายในอาคาร SAT-1 ได้มีการออกแบบให้สอดคล้องกับอาคารผู้โดยสารหลักหรือ Main Terminal โดยได้มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรม ศิลปะที่สะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยให้กลมกลืนไปกับโครงสร้างอาคารที่ทันสมัย