นายกฯ ปักหมุด เปิดโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย – จีน

นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีปักหมุด เริ่มการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีน ช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย ในระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา) พร้อมพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อช่วงโยงภูมิภาค

วันที่ 21 ธันวาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มอหลักหินรัชกาลที่ 5 ตำบลกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเริ่มการก่อสร้างโครงการความร่วมมือ ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย ในระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา

สำหรับโครงการรถไฟไทย – จีนเป็นโครงเชิงยุทธศาสตร์ในการเชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียนเป็นเส้นทางที่จะเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศต่างๆ ทั้งในภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว มาเลเซีย เวียดนาม) และประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐอินเดีย ทั้งยังเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟลาว – จีน อีกทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้พัฒนาเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงมาอย่างต่อเนื่องและเป็นประเทศที่มีโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงมากที่สุดในโลก

โดยพลเอกประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่ไม่ใช่เฉพาะทางรางเท่านั้น แต่ต้องพัฒนาทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ เพื่อพัฒนาให้เกิดความเชื่อมโยงในภูมิภาค ขณะกันยืนยันว่าการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงครั้งนี้ จะต้องทำให้เสร็จสิ้นจนจบโครงการอย่างแน่นอน เพื่อให้ไปเชื่อมโยงก้บประเทศ CLMV

ไทยพร้อมจะเป็นศูนย์กลางในด้านการขนส่งระบบรางอยู่แล้ว เพื่อจะได้ติดต่อค้าขายลงทุนในภูมิภาคทำให้เกิดความเติบโต และไม่ได้มองเพียงว่าเป็นการสร้างรถไฟเพื่อขนส่งหรือโดยสารเท่านั้น แต่จะต้องนึกถึงเส้นทางที่ผ่านเมืองต่างๆ ทำให้เกิดเมืองเรื่องนี้ตนมองว่าจะเป็นการยกระดับรายได้ให้กับคนในประเทศ ถือว่าเป็นการกระจายรายได้ และต้องไม่ทิ้งจังหวัดใดไว้ข้างหลังแต่จะต้องพัฒนาไปพร้อมๆกัน โดยเฉพาะ 20 จังหวัดรายได้น้อย จะต้องหาแนวทางพัฒนาประเทศ ถ้าไม่ดูแลก็พัฒนาไม่ได้

ทุกวันนี้ต้องคิดเป็นโปรเจ็คระยะยาวเป็นแผนแม่บท เพราะไม่มีอะไรที่จะสร้างเสร็จในวันเดียวหรือในปีเดียว ทุกหน่วยงานต้องช่วยกันสร้างความร่วมมือที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพเข้าใจว่าต้องลงทุนมาก

แต่ตนเองก็ไม่ได้คิดจะเอากำไรเพียงแค่คนที่จะขึ้นรถไฟเท่านั้น แต่รวมถึงผลประโยชน์โดยอ้อม ทั้งความสะดวกสบายที่จะเกิดขึ้น เกิดเมืองใหม่ และธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการเคลื่อนย้ายทรัพยากรที่รวดเร็วขึ้น อีกหน่อยการติดต่อการเจรจาธุรกิจก็จะเร็วขึ้น ทั้งนี้จะมีการแก้กฏหมายหลายฉบับ อาทิ กฏหมายผังเมืองและกฎหมายการใช้ผลประโยชน์ที่ดิน 2 ข้างทางรถไฟ จึงต้องใช้เวลา 3 ปี ตั้งแต่ ปี 2557 และเกิดการก่อสร้างขึ้นในวันนี้