เข้าใจ Electronic Trading เครื่องมือเทรดหุ้นอัตโนมัติที่ต่างชาติใช้เอาชนะตลาดหุ้นไทย

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดงาน Thailand Focus 2023 โดยมีหนึ่งในหัวข้อที่น่าสนใจ คือ Insight into Foreign Trading and Market Surveillance ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP)

ซึ่งได้รับเกียรติจากวิทยากร ได้แก่ 1. Christopher Dunham, Head of ASEAN Sales and Trading, Jefferies Securities 2. Joy Francis, Global Markets, Electronic Trading Sales, UBS Securities และ 3. Yee Ling, Head of Sales, APAC, Nasdaq Surveillance

โดยมี Craig Thompson, Assistant Managing Director, Equity and Derivatives Markets, Kiatnakin Phatra Securities Public Company Limited เป็นผู้ดำเนินรายการ

ภายในงานกล่าวถึง Electronic Trading ซึ่งเป็นการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ โดยที่คำสั่งซื้อขายนั้นสามารถวิ่งตรงจากระบบส่งคำสั่งของผู้ลงทุนผ่านมายังระบบซื้อขายของโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุมัติ ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปยังระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ โดยที่กระบวนการทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นภายใต้การความคุมความเสี่ยงของโบรกเกอร์ และเป็นการทำงานในรูปแบบ Fully Automated Process ทั้งหมด

ทั้งนี้ การเชื่อมต่อระบบ Electronic Trading รวมถึงโปรแกรมการซื้อขายทั้งหมด ต้องได้การอนุมัติจาก ตลท. เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดพฤติกรรมการซื้อขายที่ใม่เหมาะสมหรือผิดกฏ

Electronic Trading เป็นวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นในตลาดที่มีพื้นฐานโครงสร้างทางด้าน IT ที่ดี ทั้งในแง่ของผู้ให้บริการอย่างโบรกเกอร์ที่ต้องมีระบบที่สามารถรองรับธุรกรรมรูปแบบ Electronic Trading ได้ และผู้กำกับดูแลอย่างตลาดหลักทรัพย์ที่มีการให้บริการซื้อขายในรูปแบบ Direct Market Access (DMA)

สำหรับประเทศไทย เราเริ่มเห็น migration ของการส่งคำสั่งซื้อขายด้วยมือ หรือที่เรียกว่า High Touch มาเป็น Electronic Trading ตั้งแต่ปี 2010 (2553) และโตมาเรื่อยๆ จนเป็นช่องทางหลักในการส่งคำสั่งซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศในปัจจุบัน ที่มีสัดส่วนประมาณ 70% ของการซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ

Driving Factor หลักของการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ

1. ความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพของการส่งคำสั่งซื้อขาย (Drive for Efficiency)

2. การเข้ามาและความหลากหลายของ Execution Algo ต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย และมีต้นทุนต่ำ

3. ความต้องการในการลดต้นทุนทางด้าน Transaction Cost

4. การเติบโตของ Financial Products ต่างๆ เช่น Passive/Index funds

วัตถุประสงค์หลักของ Execution Algo คือช่วยให้นักลงทุนซื้อขายได้ในราคาที่ดีที่สุดและมีผลกระทบต่อตลาด (Market Impact) น้อยที่สุด โดยประเภทของ Execution Algo ที่อยู่ภายใต้การให้บริการของ Electronic Trading สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลักได้ตามนี้

1. Scheduled strategies ที่ทำงานตามเวลา เช่น TWAP หรือ Time Weighted Average Price

2. Participative strategies ที่ทำงานตามปริมาณซื้อขายที่เกิดขึ้น เช่น POV หรือ Percentage of Volume

3. Opportunistic strategies อย่างเช่น Liquidity Seeking

4. Aggressive strategies เช่น IS หรือ Implementation Shortfall ที่จะพยายาม complete order ให้ไวที่สุดโดยใช้ราคา arrival price เป็น benchmark

การทำงานและ Performance ของ Execution Algo ต่างๆ ต้องได้รับการ Review Enhance และ Fine Tune อยู่ตลอดเวลา

การเติบโตของ Electronic Trading เป็นการเน้นย้ำความสำคัญของระบบและรูปแบบการตรวจสอบทางด้าน Market Surveillance ที่ดี เพื่อให้การซื้อขายในตลาดโดยรวมมีความโปร่งใสและเป็นธรรม ส่งผลให้ผู้ประกอบการและผู้กำกับดูแลต้อง Proactive มากขึ้นในการตรวจสอบพฤติกรรมการชื้อขายที่ไม่เหมาะสม

ในส่วนของผู้ลงทุนเอง การเข้าถึง Electronic Trading และเครื่องมื่อ Execution Algo ต่างๆ หมายถึงการ interact กับตลาดโดยตรง เพราะฉะนั้น ฝั่งผู้ลงทุนเองก็มีความจำเป็นที่ต้องคอย monitor และคัดกรองคำสั่งที่อาจจะเข้าข่ายไม่เหมาะสมตามเกณฑ์ของ ตลท.

Adaptation ของ Electronic Trading ในไทย มองว่าอาจจะใช้เวลาในการปรับตัวและเรียนรู้ แต่ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ดี บวกกับความพร้อมและความเข้าใจในการกำกับดูแลของ ตลท. การที่จะเห็นสัดส่วนการชื้อขายผ่านช่องทาง Electronic Trading ของนักลงทุนในประเทศเติบโตนั้นเป็นไปได้ไม่ยาก