ฟูจิฟิล์มเปิดตัว ‘INSTAX Pal’ กล้องดิจิทัลไซส์จิ๋วหนัก 41 กรัม

บริษัท ฟูจิฟิล์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ‘INSTAX Pal’ กล้องน้องใหม่ล่าสุดจากตระกูล INSTAX ชูขนาดเล็กกะทัดรัดหนักแค่ 41 กรัม มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี

ฟูจิฟิล์ม บอกว่า การเปิดตัวในครั้งนี้มีความพิเศษมาก เพราะกล้องอินสแตนท์ตระกูล INSTAX ฉลองครบรอบ 25 ปีในปีนี้ หลังเปิดตัวเมื่อปี 1998

ซึ่งตั้งแต่นั้นมาได้พัฒนาเทคโนโลยีและปรับฟังก์ชันรับเทรนด์ใหม่ๆ พร้อมขยายกลุ่มสินค้าจากกล้องอินสแตนท์อนาล็อกไปยังกล้องไฮบริดและเครื่องปรินท์ฟิล์มที่สั่งงานผ่านสมาร์ทโฟน

ปัจจุบัน กลุ่มสินค้าของ INSTAX พร้อมตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบการถ่ายรูป

สำหรับ INSTAX Pal ถือเป็นกล้องรุ่นแรกในตระกูล INSTAX ที่โฟกัสเรื่องการถ่ายภาพโดยเฉพาะ ด้วยการแยกฟังก์ชันปรินท์ออกจากตัวเครื่อง กลายเป็นกล้องขนาดจิ๋วที่เล็กกว่าฝ่ามือ เพื่อการพกพาและใช้งานที่คล่องตัวมากขึ้น

โดยมาพร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการถ่ายภาพ โดยมีคุณสมบัติเด่นๆ 7 ข้อด้วยกัน ดังนี้

1.เป็นกล้องดิจิทัลที่พร้อมไปกับคุณได้ทุกที่ โดยมีขนาดเล็กจิ๋วและน้ำหนักเพียง 41 กรัม (ขนาดความกว้าง 42 มม. ความสูง 44 มม. และลึก 43 มม.) ทำให้สามารถพก INSTAX Pal ติดกระเป๋าเป้ หรือแม้แต่ใส่กระเป๋ากางเกงไว้ก็ยังได้

โดยมาพร้อมโหมด Standard ที่ถ่ายรูปด้วยปุ่มชัตเตอร์เพียงปุ่มเดียวที่ด้านหลัง, มีเลนส์มุมกว้างของตัวกล้อง ทำให้สามารถสร้างสรรค์มุมสุดแปลกใหม่ที่ถ่ายไม่ได้จากกล้องสมาร์ตโฟนทั่วไป เหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่ต้องการถ่ายวิวกว้างๆ หรือการถ่ายรูปหมู่ที่ต้องเก็บภาพหลายๆ คนในเฟรมเดียว

2.มาพร้อมวงแหวนอเนกประสงค์ (Multi-function Ring) ที่ช่วยให้หยิบจับได้สะดวกไม่หลุดมือ และยังทำหน้าที่เป็นช่องมองภาพ (Viewfinder) ที่ช่วยหาจุดโฟกัสและเป็นขาตั้งกล้องในตัวได้ด้วย

3.รองรับการถ่ายและการปริ้น 3 รูปแบบ ทั้ง mini, SQUARE และ WIDE และสามารถสั่งปรินท์ตามรูปแบบที่เครื่องปรินท์ INSTAX Link นั้นๆ รองรับ

4.เมื่อกล้องเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนผ่านบลูทูธ รูปที่ถ่ายโดย INSTAX Pal จะถูกส่งไปยังแอปในสมาร์ตโฟนนั้นอัตโนมัติ และสามารถบันทึกภาพเหล่านั้นในรูปกรอบฟิล์ม INSTAX

5.ถ่ายภาพได้ไม่รู้จบด้วยแอปบนสมาร์ตโฟน โดยเมื่อเชื่อมต่อกล้อง INSTAX Pal กับแอปบนสมาร์ตโฟน จะสามารถเลือกโหมด Remote ที่ทำให้สามารถเช็กช็อตที่จะถ่ายได้ก่อน, โหมด Interval ทำให้ตั้งเวลาในการถ่ายรูปห่างกันช็อตละ 3 วินาที

มาพร้อมลำโพงในตัวที่จะช่วยส่งเสียงเป็นสัญญาณก่อนชัตเตอร์ทำงาน ซึ่งเราสามารถอัดเสียงพูดของตัวเองเป็นเสียงกดชัตเตอร์ผ่านแอปได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน INSTAX Animation สำหรับนำภาพถ่ายต่อเนื่องหลายช็อตและทำเป็นวิดีโออัลบั้ม และยังสแกน QR CODE เพื่อดูวิดีโอผ่านฟิล์มที่ปรินท์ออกมา แชร์ต่อบนโซเชียลมีเดียได้แบบง่ายๆ

6.ปรินท์รูปฟิล์มง่ายๆ โดยตรงด้วยเครื่องปริ้นกลุ่ม INSTAX Link รวมไปถึงกล้องอินสแตนท์กลุ่มไฮบริด อาทิ INSTAX mini Evo และ INSTAX mini LiPlay

โดยเลื่อนโหมดที่ด้านล่างของตัวกล้อง INSTAX Pal จาก “F (โหมด FUN)” เป็น “L (โหมด Link)” ตัวกล้องจะเชื่อมต่อบลูทูธโดยตรงกับอุปกรณ์กลุ่ม INSTAX Link ได้โดยไม่ต้องใช้แอป ภาพที่ถ่ายด้วย INSTAX Pal ในโหมดนี้จะถูกปรินท์จากเครื่องปริ้น INSTAX Link โดยอัตโนมัติเหมือนใช้งานกล้องอินสแตนท์แบบอนาล็อก

7.คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจ: ตัวกล้องมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนในตัว สามารถถ่ายรูปได้ประมาณ 240 รูปต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง, รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB Type-C (สายชาร์จแถมมากับตัวกล้อง)

สามารถตั้งค่ากล้องให้บันทึกรูปไว้ในตัวเครื่องแทนการถ่ายโอนไปที่แอปแบบอัตโนมัติ และเก็บไฟล์ภาพได้สูงสุด 50 รูปในหน่วยความจำของตัวเครื่อง

นอกจากนี้เมื่อใส่การ์ด microSD (จำหน่ายแยก) จะสามารถเพิ่มความจุของหน่วยความจำและจัดเก็บภาพได้มากขึ้น

สำหรับ INSTAX Pal พร้อมวางจำหน่ายใน 5 สี ได้แก่ สีขาว Milky White, สีชมพู Powder Pink, สีฟ้า Lavender Blue, สีเขียว Pistachio Green และสีดำ Gem Black นอกจากนี้ ฟูจิฟิล์ม ยังขอแนะนำฟิล์มมินิลายใหม่ “Soft Lavender” กรอบสีม่วงพาสเทลสุดละมุน

โดยสื่อต่างประเทศประเมินว่าราคาน่าจะอยู่ที่ 199.95 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 7,200 บาท

อ้างอิง: https://www.theverge.com/2023/9/20/23879594/fujifilm-instax-pal-mini-link-2-camera-bundle-price