ทรูมันนี่ ผนึก แอนท์ กรุ๊ป เปิดบริการให้คนไทยใช้แอปทรูมันนี่จับจ่ายที่ประเทศจีนได้แล้ว ในร้านที่มีสัญลักษณ์ Alipay+ ซึ่งมีมากกว่า 10 ล้านจุด โชว์จุดเด่นได้เรตเงินดี สะดวก ปลอดภัย
‘มนสินี นาคปนันท์’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า ทรูมันนี่เป็นแอปพลิเคชั่นทางการเงินที่มีผู้ใช้มากที่สุด เราช่วยให้การจ่ายเงินของคนไทยสะดวกมาก ครอบคลุมตั้งแต่การจ่ายเงินออนไลน์ไปถึงออฟไลน์ 7 ล้านกว่าจุดทั้งของทรูมันนี่และพร้อมเพย์
“เราเริ่มอำนวยความสะดวกให้ยูสเซอร์สามารถไปใช้จ่ายในต่างประเทศได้ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วในหลายประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย ล่าสุดคือจีน ที่ตอนนี้เป็นประเทศที่แทบจะไม่รับเงินสด เราจึงใช้วิธีการต้องไปหาเพื่อนที่จะทำให้ยูสเซอร์ของเราไปใช้จ่ายได้
“เราจึงจับมือกับ แอนท์ กรุ๊ป ที่มีจุดรับชำระ Alipay+ กว่า 10 ล้านจุดทั่วประเทศ โดยขณะนี้ทุกจุดเหล่านั้นใช้ทรูมันนี่จ่ายได้เลย ซึ่งตอนที่จ่าย ระบบจะเปลี่ยนเงินบาทไปเป็นเงินหยวนให้โดยอัตโนมัติ เรียกได้ว่าการใช้จ่ายในต่างประเทศจะสะดวกสบายขึ้นจนแทบไม่ต่างกับการใช้จ่ายในประเทศ”
มนสินี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงก่อนโควิด หรือปี 2019 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปจีนราว 700,000 คนต่อปี ติดอันดับ 4 ประเทศที่ชาวไทยไปเยือนมากที่สุด มีการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวจีนถึง 20,706 ล้านบาท เฉลี่ยหัวละ 28,000 ล้านบาท โดยวางเป้าหมายว่า 70-80% ของยอดใช้จ่ายนักท่องเที่ยวไทยในจีนจะเป็นการใช้จ่ายผ่านทรูมันนี่
สำหรับขั้นตอนการใช้งาน เพียงเข้าไปที่หน้าแอปทรูมันนี่ ตรง QR ชำระเงิน เลือกแท็บ Alipay+ และประเทศที่ต้องการ ยอดเงินคงเหลือในบัญชีทรูมันนี่ ก็จะถูกแปลงเป็นเงินหยวนและเงินสกุลอื่นๆ ตามประเทศที่เลือกให้เห็น และเอาไปสแกนจ่ายได้ทันทีที่ร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Alipay ทั่วจีน
โดยยอดเงินที่นำไปชำระในต่างประเทศได้ จะต้องเป็นการเติมเงินเข้าไปเท่านั้น ขณะที่เรตเงินจะมีอัพเดตในเวลา 10.30 น.ของทุกวัน ทั้งนี้ ทรูมันนี่ยืนยันว่าเรตเงินที่ได้นั้นแพงกว่าร้านดังที่คนไทยนิยมไปแลกเงินสดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกเหนือจากทรูมันนี่ เมื่อเร็วๆ นี้ แอนท์ กรุ๊ป ได้ร่วมมือกับอีวอลเล็ตและแอปชำระเงินชั้นนำอีก 6 ประเทศในเอเชีย ภายใต้ โครงการ “Alipay+-in-China (A+China program)” เพื่อยกระดับบริการด้านการชำระเงินผ่านแอปในจีนให้มีความเป็นสากลขึ้น
โดยการขยายบริการในครั้งนี้ ทำให้มีอีวอลเล็ตและแอปชำระเงินรวมจาก 10 ประเทศทั่วโลกที่สามารถใช้จ่ายที่จีนได้ ได้แก่ อินเดีย, ไทย, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, บังกลาเทศ, ฮ่องกง, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ปากีสถาน และสิงคโปร์
‘ดักลาส ฟีกิน’ รองประธานอาวุโส แอนท์ กรุ๊ป และหัวหน้างานบริการโมบายเพย์เม้นท์ระหว่างประเทศ อาลีเพย์พลัส กล่าวว่า “อีโคซิสเต็มของอาลีเพย์พลัสได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการร่วมมือกับพันธมิตรด้านการชำระเงินรายใหม่ๆ และการขยายจุดรับชำระเงินที่ร้านค้าทั่วโลก
โดยเราได้ร่วมมือกับทรูมันนี่มาอย่างยาวนานและในหลากหลายด้าน ด้วยเครือข่ายของ Alipay+ ผู้ใช้ทรูมันนี่สามารถใช้จ่ายที่ร้านค้าออนไลน์ทั่วโลก รวมถึงร้านค้าปลีกในประเทศซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทย อาทิ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไปจนถึงสหราชอาณาจักร อิตาลี และฝรั่งเศส
และการขยายบริการใช้จ่ายผ่านแอปสู่ประเทศจีนในครั้งนี้ ก็ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการทำงานร่วมกันของทั้งสองบริษัท ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าจะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องในอนาคต”
ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวไทยที่ไปจีน มักประสบปัญหา ไม่สามารถใช้จ่ายแบบไร้เงินสดได้ เนื่องจากมีบัตรเครดิตและเดบิตไม่มากที่เอาไปใช้ได้ และไม่ใช่ทุกร้านที่จะรับ ทำให้ต้องพึ่งพาการใช้เงินสดและการแลกธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ
แต่วันนี้นักท่องเที่ยวไทยสามารถเอาแอปที่ใช้อยู่ทุกวันที่ไทยอย่าง ทรูมันนี่ ไปสแกนจ่ายที่จีนได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย แถมได้เรตดี ดูได้แบบเรียลไทม์
ด้าน ‘กรวุฒิ ปวิตรปก’ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท ทรูมันนี่ จำกัด กล่าวเสริมว่า จุดเด่นของทรูมันนี่ที่แข็งแกร่งกว่าบัตร Travel Card ซึ่งเป็นโปรดักต์ที่ธนาคารหลายแห่งกำลังปลุกปั้นเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยเพื่อไปใช้ที่ต่างประเทศ คือ ทรูมันนี่ไม่ต้องมีบัตร ใช้ง่ายผ่านแอปพลิเคชั่นและปลอดภัยกว่า
นอกจากนี้ยังมีแคมเปญสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้ลูกค้า เมื่อมีการใช้จ่ายด้วย
“นับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทรูมันนี่ ได้ขยายบริการใช้จ่ายในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมประเทศยอดนิยมในเอเชียของคนไทย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ฯลฯ
“โดยการขยายบริการให้ครอบคลุมการใช้จ่ายในประเทศจีนในครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของทรูมันนี่ ในการตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยให้ใช้จ่ายได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งเรามีแผนที่จะขยายความร่วมมือกับ แอนท์ กรุ๊ป ผ่านโซลูชันและเครือข่าย Alipay+ ในระดับโลกต่อไป เพื่อให้ทรูมันนี่สามารถเป็นแอปเดียวเที่ยวได้รอบโลก สำหรับนักเดินทาง” กรวุฒิกล่าวทิ้งท้าย