SHARE

คัดลอกแล้ว

เมื่อก่อนหลายคนอาจจะไม่เข้าใจความหมายของ IoT หรือ Internet of Things แต่หลังจากคนทั่วไปแบบเราๆ สามารถเข้าถึงอุปกรณ์สมาร์ทโฮมต่างๆ และ ‘บ้านอัจฉริยะ’ ที่สามารถสั่งการและควบคุมได้ด้วยคำสั่งเสียงหรือโทรศัพท์มือถือจากระยะไกล แบบที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์ ‘ไอรอนแมน’ เริ่มแพร่หลาย โดยเฉพาะกับเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็กๆ ที่หลายๆ บ้านมีใช้กันทั่วไปและเป็นส่วนหนึ่งของสมาร์ทโฮม อย่างกล้องวงจรปิด หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ และหลอดไฟ

แต่จริงๆ แล้วเทคโนโลยี IoT หรือ Internet of Things ไม่ได้ทำได้แค่ยกระดับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านให้เป็น ‘อุปกรณ์อัจฉริยะ’ แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจและอุตสาหกรรมหลากหลายชนิด ตั้งแต่การเกษตร การผลิต การค้า การแพทย์ และชีวิตประจำวัน 

ปัจจุบัน อุปกรณ์ IoT มีจำนวนมากกว่า 1.6 หมื่นล้านเครื่องทั่วโลก เติบโตกว่า 16% ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตเกือบถึง 3.1 หมื่นล้านเครื่องภายในปี 2025 แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัญหาความไม่แน่นอนในการผลิต ‘ชิป’ ที่เป็นส่วนสำคัญของอุปกรณ์ IoT

ในปี 2023 ตลาด IoT ทั่วโลกมีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านบาท โดยมี ‘สหรัฐอเมริกา’ เป็นผู้นำในตลาด IoT โดยมี ‘จีน’ ตามมาติดๆ เป็นอันดับ 2 ในฐานะผู้นำในตลาดผู้ผลิตสินค้า ‘สมาร์ทโฮม’ ของโลก

ขณะที่มูลค่าของตลาด Internet of Things (IoT) ในประเทศไทยอยู่ที่ราว 2.12 แสนล้านบาท และ Statista Digital Market Insight ประมาณการว่ามูลค่าอุตสาหกรรม IoT ในไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสูงถึงกว่า 4.7 แสนล้านบาทภายในปี 2028 

[ แตะมือผลักดันตลาดสมาร์ทโฮมไทย  ]

ที่ผ่านมา ‘ไทย’ มีความสามารถในการผลิตมากกว่า 90% ของห่วงโซ่คุณค่าในการผลิตอุปกรณ์ IoT แต่ต้องยอมรับว่าการผลิต ‘ฮาร์ดแวร์ IoT’ ที่หลากหลาย เพื่อรองรับความต้องการและรสนิยมที่แตกต่างของผู้บริโภคนั้นยากความคุ้มค่าในการลงทุน 

จึงเป็นเหตุผลให้ ‘SCG’ ที่พึ่งเปิดตัวแบรนด์สมาร์ทโฮมน้องใหม่ของตัวเองภายใต้ชื่อ ‘Mind’ เลือกจับมือกับยักษ์ใหญ่ด้าน IoT จากจีนอย่าง ‘Tuya Smart’ และ ‘T3 Technology’ หนุนผู้ประกอบการจีนให้เข้ามาตั้งโรงงาน Smart Device ในไทย และทำให้ดีไซเนอร์ไทยสามารถเข้าไปนำร่องจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะใน ‘จีน’ ก่อนขยับขยายสู่ระดับภูมิภาคและระดับโลก

โดย ‘Tuya Smart’ คือ บริษัทเทคโนโลยีที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่จะทำให้อุปกรณ์ทั่วๆ ไปกลายเป็น ‘อุปกรณ์อัจฉริยะ’ รวมถึงเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายอุปกรณ์อัจฉริยะที่ใช้แพลตฟอร์มของ Tuya Smart ที่จัดจำหน่ายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา เยอรมนี จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไทย และอื่นๆ

ขณะที่ ‘T3 Technology’ คือ บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมและ IoT ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดที่ใหญ่ที่สุดในบริการบรอดแบนด์แบบ B2B ในไทย (หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นซัพพลายเออร์จัดหาเราวเตอร์ให้กับเครือข่ายมือถือและอินเทอร์เน็ตดังของไทยถึง 3 เจ้า)

[ ดึงจีนตั้งโรงงาน ส่งสินค้า Craft Tech ขายจีน ] 

ดังนั้น นอกจาก SCG จะได้พันธมิตรทางการค้าสำหรับการขยายธุรกิจสมาร์ทโฮมอย่างเต็มที่ การจับมือครั้งนี้ที่มีองค์กรภาครัฐอย่าง Depa เข้ามาร่วมด้วยจะทำให้ไทยได้ประโยชน์ใน 2 มิติ

1 – ดึงดูดผู้ประกอบการจีนให้เข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานผลิต Smart Device ในเมืองไทย สอดคล้องกับนโยบายพัฒนา Thailand Digital Valley ของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในประเทศ รองรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะว่าที่ Tech Talent ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ทั้งยังช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมดิจิทัลได้ง่ายขึ้น 

2 – ผลักดันตลาดสมาร์ทโฮมในประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น ด้วยการส่งเสริม Craft Technology ผสมผสานนวัตกรรมดิจิทัลเข้ากับงานออกแบบจากดีไซเนอร์ไทย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายโอกาสในการส่งออกสินค้านวัตกรรมไปยังตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่าจะนำร่องที่ตลาดจีนก่อน

ขณะที่ ‘Tuya Smart’ เองก็จะได้เปิดตลาดประเทศไทย ก่อนจะขยายสู่ออกไปสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ‘โฮล์ม เฉิน’ จาก Tuya Smart บอกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตของตลาด Smart Home ค่อนข้างสูง Tuya Smart จึงมองเห็นโอกาสในการผนึกกำลังเชื่อมกับพันธมิตรผู้พัฒนาพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลอย่าง T3 Technology และ SCG

ส่วน ‘เควิน กัว’ จาก ‘T3 Technology’ มองว่า T3 Technology ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี WiFi พร้อมเดินหน้านำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมไปสู่การดูแลให้ครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย เพราะบริษัทมองว่าการออกแบบและวางระบบเน็ตเวิร์กที่ดี มีความเสถียร เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Smart Home ทำงานได้แบบเรียลไทม์และเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น การพัฒนา Network Infrastructure ให้แข็งแกร่ง เชื่อมต่อได้รวดเร็ว จะช่วยเชื่อม IoT Smart Home Ecosystem ให้สมบูรณ์แบบได้มากขึ้น

ส่วน ‘อภิรัตน์ หวานชะเอม’ Chief Digital Officer ของ SCG เชื่อว่า ความร่วมมือจะช่วยผลักดันตลาด Smart Home ไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น ไม่ได้ส่งผลดีเฉพาะผู้พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลรายใหญ่เท่านั้น แต่ยังสร้าง IoT Smart Home Ecosystem ไทยให้แข็งแกร่ง เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม เพื่อขยายการเติบโตทางธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถให้กับ SMEs และ Startup สัญชาติไทย ซึ่ง SCG พร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุน ทั้งเครือข่ายพันธมิตรและการแบ่งปันโนว์ฮาวการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า