ปิดจ็อบ MOTOR EXPO 2023 ค่ายรถญี่ปุ่นเสี่ยงแล้ว เสี่ยงอยู่ เสี่ยงต่อ

สรุปยอดจองรถในงาน MOTOR EXPO 2023 ค่ายที่ยังครองแชมป์ยอดจองรถหัวตาราง คือ TOYOTA ตามมาด้วย HONDA แต่ตั้งแต่อันดับ 3-7 เป็นค่ายจีนทั้งหมด และเน้นหลักที่ รถยนต์ไฟฟ้า ปรากฎการณ์นี้ทำให้เห็นกระแสแน่ชัดแล้วว่า แนวโน้มรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในไทย จากเมื่อปีก่อนยอดจองรถยนต์ไฟฟ้าใน MOTOR EXPO ส่วนแบ่งอยู่ที่ 15% ส่วนปีนี้ส่วนแบ่งการจองรถ EV ในงานเพิ่มขึ้นมาเป็น 38%

ต่อให้ใครจะมองว่า การจองยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายต่อเมื่อยังไม่ได้เซ็นสัญญาซื้อขาย แต่ยอดจองก็ทำให้เห็นกระแสความนิยมของรถค่ายต่าง ๆ ที่หนนี้แบ่งกันชัดระหว่างค่ายรถญี่ปุ่นกับค่ายรถจีน ขับเคี่ยวด้วยผลิตภัณฑ์เรือธงด้านการใช้พลังงานที่ต่างกันเป็นตัววัดกระแส

จะด้วยเหตุที่มีแรงจูงใจทั้งเรื่องราคา หน้าตารถ ทำให้ในงาน MOTOR EXPO ปีนี้ ผู้คนรุมบูธรถจีนกันทะลักจนเป็นปรากฎการณ์

การแทรกตลาดเข้ามาของรถค่ายจีนที่กำลังมาตีป้อมค่ายรถญี่ปุ่นในประเทศไทย มองมุมผู้บริโภคคือผู้ได้รับประโยชน์สูงสุด แต่ถ้ามองในมุมธุรกิจแล้ว ค่ายรถญี่ปุ่นที่ถือว่าไทยคือฐานที่มั่นสำคัญของอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์สันดาปกำลังสั่นคลอน

ชัดเจนว่าค่ายรถญี่ปุ่นเชื่องช้ากับการเดินหน้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า ถ้าไปดูเฉพาะกลุ่มรถ EV ยอดนิยมในโลกจะเห็นว่า 20 อันดับแรกไม่มีค่ายรถของญี่ปุ่นเลย

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ โตโยต้าผลิตรถ EV รุ่นแรก คือรุ่น bZ4X ขายได้ 24,000 คัน จากยอดขายรวม EV ทั้งโลกเมื่อปีที่แล้ว 10.5 ล้านคัน

นิสสัน และมิตซูบิชิ เคยเป็นค่ายรถญี่ปุ่นที่บุกเบิกการผลิตรถ EV เจ้าแรก ๆ ในโลก ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน แต่วันนี้สโลว์มาก

ค่ายรถญี่ปุ่นตั้งนาฬิกาปลุกตัวเองไว้ว่า จะทยอยผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกมาหลายรุ่นภายในปี 2573 ไม่รู้จะเรียกว่า ช้า หรือ รอจังหวะความนิยมให้มากกว่านี้แล้วค่อยลงตลาดพรวดเดียว แต่ถึงเวลานั้นก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่า ค่ายรถสัญชาติอื่นที่ลุยเรื่องรถพลังงานไฟฟ้ามาก่อนหน้าหลายปีจะกวาดต้อนแฟนคลับที่ปันใจจากรถญี่ปุ่นมาได้กี่มากโข ทั้งเรื่องราคาและรูปลักษณ์รถ

เอาเฉพาะหน้าถ้าดูในตลาดรถยนต์ต่างประเทศ ค่ายรถญี่ปุ่นกำลังเสี่ยงถูกแย่งตลาด เพราะมีรายงานพฤติกรรมผู้บริโภคออกมาว่า ถ้าใครตัดสินใจหันไปใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าส่วนมากก็จะไม่หวนกลับมาใช้รถน้ำมันแล้ว

ในจีนที่ถือเป็นตลาดรถยนต์ใหญ่ที่สุดในโลก ยอดขายรถญี่ปุ่นในจีนลดฮวบ ๆ หลายปีติดกัน เพราะคนจีนหันไปใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทำให้ค่ายรถญี่ปุ่นในจีนก็ตั้งตัวไม่ทันคาดไม่ถึง เจอแย่งตลาดแล้วตัวเองก็ยังต้องแบกต้นทุนการผลิตที่สูงกว่ารถพลังงานไฟฟ้า พอยอดขายตกต่อเนื่องอีก ผลคือเราได้เห็น นิสสันและมิตซูบิชิ ตัดสินใจหยุดการผลิตในจีน

แม้วันนี้สถานการณ์ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในจีนจะมีซัพพลายล้น แต่ข้ามมาดูตลาดรถยนต์ในอาเซียน ตอนนี้รถ EV กำลังเติบโตท่ามกลางเจ้าของพื้นที่อย่างญี่ปุ่นที่ยังยึดครองตลาดนี้เป็นหลัก และพยายามรักษาส่วนแบ่งในตลาดสำคัญอย่างประเทศไทยให้ได้ เพราะไทยคือเบอร์หนึ่งฐานการผลิตรถยนต์นอกประเทศของญี่ปุ่น แต่ก็เป็นการต่อสู้ทางธุรกิจที่มีค่ายรถจีนทยอยเข้ามาประกาศสร้างโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น BYD Changan GAC

แน่นอนว่าญี่ปุ่นกังวลเรื่องกระแสรถ EV มาก เพราะทางธุรกิจแล้ว ช้าแบบนี้ คือกำลังเสียเปรียบทั้งตลาดคนซื้อและค่ายรถจีนที่เข้ามาผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทย

แม้รัฐบาลไทยประกาศว่าพร้อมเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของการผลิตรถยนต์สันดาปของญี่ปุ่นอย่างน้อยก็อีก 10-15 ปี แต่ระยะยาวอุตสาหกรรมรถยนต์จะมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่ชัดเจนของรัฐบาลไทย คือ การกำหนดให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

ค่ายรถญี่ปุ่นดูเหมือนยังมีเวลา เพราะไทยก็พยายามจะต่อสายออกซิเจนให้สิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมการผลิตช่วยซัพพลายเชนรถสันดาปให้มีอนาคตยาวต่อไปได้อีก เพื่อรอให้มีช่วงเวลาปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลง ท่ามกลางแฟนคลับคนไทยอีกมากที่ยังมีแบรนด์รอยัลตี้กับรถญี่ปุ่นที่ลุ้นว่าจะลุกสู้ในตลาดรถ EV มากขึ้นกว่านี้ได้มั้ย

สุดท้ายค่ายรถญี่ปุ่นจะปล่อยให้ตัวเองนับเวลาถอยหลัง ตกที่นั่งซ้ำรอยปรากฎการณ์ค่ายรถญี่ปุ่นยอดขายตกในจีนจนบางค่ายต้องยุติสายการผลิตในจีน เพราะแพ้กระแสรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มาเร็วแบบตั้งตัวไม่ติด

หรืออีกคำตอบนึง ช้าๆได้พร้าเล่มงาม เพราะบางคนก็เห็นว่าเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ายังไม่สุดและไปได้อีกไกล ถึงตอนนั้นญี่ปุ่นอาจจะคัมแบ็คกลับมาได้ทัน แม้จะไม่ทันกระแสน้ำขึ้นให้รีบตัก