เมื่อวันคริสต์มาสต์ที่ผ่านมา (25 ธ.ค. 2566) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ‘หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของเกาหลีใต้’ (South Korea’s Financial Services Commission: FSC) ได้คิดค่าปรับกับ 2 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก
ได้แก่ ‘เอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์’ (HSBC Holding Plc) และ ‘บีเอ็นพี พารีบาส์’ (BNP Paribas SA) มูลค่ากว่า 20 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 700 ล้านบาท โทษฐานขายชอร์ตแบบไม่มีหุ้นจริง (Naked Short Selling) ในตลาดหลักทรัพย์ประเทศเกาหลีใต้
ซึ่ง Naked Short Selling เป็นการทำธุรกรรมแบบขายชอร์ต (Short Selling) หรือการยืมหุ้นมาขายเพื่อเก็งกำไรในภาวะตลาดขาลงของนักลงทุนบางกลุ่ม แต่ไม่ยืมเจ้าของหุ้นก่อนตามกฎ โดยอาศัยความร่วมมือของโบรกเกอร์
เริ่มแรกทางหน่วยงานไม่ได้มีการเปิดเผยชื่อและรายละเอียดของบทลงโทษ แต่สื่อท้องถิ่นอย่าง ‘โชซอน บิซ’ (Chosun Biz) เปิดเผยถึงปริมาณค่าปรับ และรายชื่อของหน่วยงานที่โดนลงโทษออกมาในภายหลังของวัน
โดย BNP Paribas โดนค่าปรับประมาณ 8.5 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่บริษัทย่อยของ BNP Paribas ในเกาหลีใต้โดนค่าปรับ 6.2 ล้านดอลลาร์ เบ็ดเสร็จ 14.7 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 500 ล้านบาท ส่วน HSBC โดนปรับ 5.7 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 200 ล้านบาท
FSC กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ตรวจพบการฝ่าฝืนของธนาคารทั้ง 2 แห่งในการทำ Naked Short Selling ครั้งใหญ่อย่างตั้งใจ ซึ่งเป็นการทำลายเสถียรภาพของตลาด และความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ต้องมีบทลงโทษที่เด็ดขาด
ทั้งนี้ HSBC, BNP Paribas ในฮ่องกง และโบรกเกอร์ท้องถิ่นของ BNP Paribas ในเกาหลีใต้ ปฏิเสธที่จะตอบกลับสำนักข่าว Bloomberg
เมื่อตอนต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ‘แอสเตอร์ แอสเซท แมเนจเมนท์’ (Erste Asset Management) ก็พึ่งโดนค่าปรับราว 3 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 100 ล้านบาท จากการฝ่าฝืนกฎเกี่ยวกับการ Short Selling เช่นกัน
ในประเทศเกาหลีใต้ นักลงทุนต่างมีมุมมองค่อนข้างลบต่อการทำธุรกรรมแบบ Short Selling โดยนักลงทุนรายย่อยถึงขั้นออกมาประท้วงเพื่อต่อต้านกันเป็นระยะๆ
ที่มา: Bloomberg