นายกฯ ‘เศรษฐา’ เผยข่าวดี ยกระดับพาสปอร์ตไทย ไปจีนไม่ต้องขอวีซ่า เริ่ม 1 มี.ค. 67
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรกของปี 2567 ในเช้าวันนี้ (2 ม.ค. 67 ) ว่า เรามีการยกเว้นวีซ่าให้กับคนจีนเข้ามาที่ประเทศไทย ถึงวันที่ 29 เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ซึ่งก็จะหมดเขตลงแล้ว แต่ตนก็ได้เรียนตลอดเวลาว่า นโยบายของรัฐบาลนี้ เราจะยกระดับความภาคภูมิใจของพาสปอร์ตไทย
“ซึ่งจริงๆ แล้ว ถ้าเกิดจะให้ดี ก็ต้องเป็นการ ยกเรื่องของการขอวีซ่าทั้ง 2 ประเทศ ถูกต้องไหมครับ และเมื่อสักเดือนกว่าที่ผ่านมา ประเทศจีนก็มีการยกเว้นการเข้าประเทศให้กับ 5 ประเทศซึ่งไม่มีประเทศไทย แต่อันนั้นเป็นการชั่วคราว แต่เหตุผลจริงๆ ผมไม่อยากพูดตอนนั้น เพราะว่า เรากำลังคุยกันอยู่ที่จะยกถาวร ซึ่งวันนี้ก็เป็นข่าวดี จะมีการยกถาวร เริ่มต้นวันที่ 1 มีนาคม แสดงว่าไปกลับทั้ง 2 ประเทศ ไม่ต้องมีวีซ่าซึ่งกันและกัน อันนี้ก็เป็นการยกระดับความสำคัญของพาสปอร์ตไทยให้กับนักท่องเที่ยวที่อยากจะเข้ามาทั้ง 2 ประเทศ ก็มีการชี้แจงไปที่กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ให้มีการประชาสัมพันธ์ว่าขณะนี้เราพร้อมแล้วที่จะเปิดประเทศ และให้ดูแลนักท่องเที่ยวทั้ง 2 ประเทศซึ่งกันและกันให้ดีด้วย อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี” นายเศรษฐา กล่าว
ขณะที่ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า คนไทยจะสามารถเดินเข้าประเทศจีนได้โดยไม่ต้องทำวีซ่า โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 67 เป็นต้นไป นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และตนได้เดินทางไปยังจีนในช่วงการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 66 ซึ่งได้พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ยืนยันว่า จะดำเนินการให้วีซ่าฟรีกับคนไทย
“ถือเป็นข่าวดี และคิดว่าอีกประมาณเดือนมกราคมนี้หรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึง ตนจะเดินทางไปยังจีน เพื่อลงนามในข้อตกลงระหว่างไทยกับจีน” นายปานปรีย์ กล่าว
ทั้งนี้ข้อมูลจากกรมการกงสุล เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66 ประเทศและดินแดน ที่คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าเพื่อเดินทางเข้า มี 34 จุดหมายปลายทาง
รายงานจาก The Henley Passport Index 2023 จัดอันดับ ‘หนังสือเดินทาง’ หรือ ‘พาสปอร์ต’ ทั่วโลก พบว่า ในปี 2023 พาสปอร์ตที่ทรงอิทธิพลสูงสุด คือ พาสปอร์ต ‘สิงคโปร์’ สามารถเดินทางได้ถึง 193 จุดหมายปลายทาง โค่นแชมป์เก่า (ปี 2022) อย่างพาสปอร์ต ‘ญี่ปุ่น’ ตกมาอยู่อันดับ 2 เข้าถึงได้ 192 จุดหมายปลายทาง
ส่วนอันดับ 3 พาสปอร์ตของ 7 ชาติ ครองแชมป์ร่วมกัน ได้แก่ ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, เกาหลีใต้, สเปน และสวีเดน ที่สามารถเดินทางได้ถึง 191 จุดหมายปลายทาง ส่วน ‘พาสปอร์ตไทย’ จัดอยู่ในอันดับที่ 64 (อันดับดีขึ้นจากปี 2022) โดยสามารถเดินทางเข้าถึง 80 จุดหมายปลายทาง
ปี 65 ‘พาสปอร์ตญี่ปุ่น’ ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก เอเชียมาแรงครองบัลลังก์ท็อป ส่วนไทยอยู่อันดับ 70