‘พริษฐ์’ อภิปรายงบฯ ปี 67 เสนอผ่าตัดหัวใจ 4 ห้อง จัดสรรงบประมาณใหม่ แก้วิกฤติการศึกษาไทย

‘พริษฐ์’ อภิปรายงบฯ ปี 67 เสนอผ่าตัดหัวใจ 4 ห้อง จัดสรรงบประมาณใหม่ แก้วิกฤติการศึกษาไทย

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวในการอภิปราย ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วาระแรก วันสุดท้าย ในวันนี้ (5 ม.ค. 67)  โดยสรุปว่า ท่ามกลางวิกฤติต่างๆ เชื่อว่ามีวิกฤติหนึ่งที่เห็นตรงกัน คือ วิกฤติการศึกษา ผล PISA ได้ตอกย้ำวิกฤติการศึกษาของไทยที่มีมาอย่างยาวนาน คือ 1. สมรรถนะ เด็กไทยมีทักษะสู้ต่างชาติไม่ได้ 2. ความเหลื่อมล้ำ และ 3. ความเป็นอยู่ หรือความทุกข์ของนักเรียน และชี้ว่าปัญหาไม่ใช่ปริมาณ ทรัพยากร แต่อยู่ที่ประสิทธิภาพ ในการจัดสรร

โดยนายพริษฐ์ ได้อภิปรายเสนอทางออกวิกฤติการศึกษา ด้วยการผ่าตัด “หัวใจ 4 ห้อง” ของงบการศึกษา ในส่วนห้องที่ 1 งบนโยบาย ที่ยังคงเป็นเบี้ยหัวแตก มีโครงการที่คล้ายกับงบฯ ปี 66  ควรยกเลิกโครงการไม่จำเป็นคืนครูให้ห้องเรียน กระจายงบอบรมครู ตรงไปที่โรงเรียน-ครู จัดทำหลักสูตรการศึกษาฉบับใหม่ ส่วนห้องที่ 2 งบลงทุน ควรประหยัดงบให้ถูกจุด ไม่ซ้ำเติมกลุ่มเปราะบาง กระจายงบให้แต่ละจังหวัดอย่างเป็นธรรม ด้วยเกณฑ์โปร่งใส ตรวจสอบได้

ห้องที่ 3 เงินอุดหนุนนักเรียน เพิ่มงบอุดหนุนให้กับเด็กที่เสี่ยงจะหลุดออกจากระบบ อย่างน้อย 5,000 ล้านบาท  ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นให้ผู้ปกครอง และอุดหนุนเงินให้โรงเรียน แบบ block grant ที่ไม่กำหนดวัตุประสงค์ และห้องที่ 4 งบบุคลากร หาทางออกเรื่องการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก และปฏิรูปโครงสร้างกระทรวง ลดความซ้ำซ้อน กระจายอำนาจ เพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งหลายข้อเสนอสามารถพิจารณาและดำเนินการได้เลยในชั้นกรรมาธิการ วาระ 2 และ 3 ของงบประมาณ 67 ในปีนี้

การผ่าตัดหัวใจทั้ง 4 ห้องนี้ ไม่ใช่จะทำให้หัวใจทั้ง 4 ห้องแข็งแรงขึ้น แต่จะทำให้หัวใจโดยรวมของงบประมาณการศึกษาไทย ตอบโจทย์มากขึ้นใน 2 มิติ คือ มติที่ 1 คือทำให้งบแต่ละสมดุลมากขึ้นระหว่างแต่ละห้อง เพราะงบประมาณทุกบาทที่สามารถประหยัดได้จะเป็นงบที่สามารถเติมให้เป็นเงินอุดหนุนนักเรียนมากขึ้น และมิติที่ 2 จะทำให้หัวใจเต้นไปตามจังหวะของนักเรียนและโรงเรียนมากขึ้น แทนที่จะปล่อยให้กระทรวงคิดเองทั้งหมด ข้อเสนอนี้จะเป็นการกระจายอำนาจให้นักเรียนและโรงเรียนมีส่วนร่วมมากขึ้น

“มีคนเคยกล่าวไว้ว่าสิ่งที่เราควรจะหลีกเลี่ยงมากที่สุด คือการทำอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ คาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง เช่นเดียวกันครับ วิกฤติการศึกษาที่เราเผชิญอยู่ในวันนี้ มันหนักหนาสาหัส เกินกว่าที่จะถูกแก้ไขได้ ด้วยการจัดงบประมาณแบบเดิม หรือหัวใจดวงเดิม ผมหวังเป็นอย่างยิ่งครับว่าข้อเสนอ ที่ผมและพรรคก้าวไกลได้อภิปรายในวันนี้นั้น จะเป็นข้อเสนอที่ไม่จำเป็นต้องรอก้าวไกลมาเป็นรัฐบาลถึงจะเริ่มทำได้ แต่เป็นข้อเสนอที่รัฐบาลนี้จะเห็นชอบและรับไว้พิจารณาดำเนินการ เพื่อมาร่วมกันผ่าตัดหัวใจที่มีชื่อว่างบประมาณด้านการศึกษา และสร้างอนาคตที่ดีขึ้นให้กับลูกหลานเราทุกคน” นายพริษฐ์ กล่าว