‘ก้าวไกล’ จี้ นายกฯ เร่งเซ็น ‘ร่างพ.ร.บ.อากาศฯ’ เข้าสภาฯ ด้าน ‘รองเลขาฯ นายกฯ’ แจงปมตกขบวน

‘ก้าวไกล’ จี้ นายกฯ เร่งเซ็น ‘ร่างพ.ร.บ.อากาศฯ’ เข้าสภาฯ พรุ่งนี้ (11 ม.ค.) ด้าน รองเลขาฯ เลขาฯ แจงปมตกขบวน อยู่ฉบับเดียว ปัดเลือกปฏิบัติ

นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ชี้แจงกรณีพรรคก้าวไกล มีข้อสงสัยต่อร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศเป็นพิษ ของพรรคก้าวไกล ที่ไม่สามารถนำมาพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่เสนอโดยภาคประชาชนที่เข้าชื่อกันกว่า 22,000 รายชื่อเสนอกฎหมาย คณะรัฐมนตรี (ครม.) สส.พรรคเพื่อไทย และ สส.พรรคภูมิใจไทยว่า ตามข้อเท็จจริง และขอความเป็นธรรมแก่ทุก ฝ่าย เนื่องจาก สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพิ่งส่งร่างกฎหมายอากาศเป็นพิษของพรรคก้าวไกล ถึงสำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 67 เวลา 14.52 น. และยังเป็นร่างกฎหมายที่ยังไม่ได้รับฟังความเห็นจากหน่วยงานอื่น

ซึ่งตามระเบียบข้อบังคับนั้น จะต้องผ่านการรับฟังความเห็นก่อน เพื่อพิจารณาว่าเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเงินหรือไม่ แม้คณะทำงานของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี จะพยายามเร่งรัดขั้นตอนร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกล และชะลอร่างกฎหมายของครม., สส.พรรคเพื่อไทย, พรรคภูมิใจไทย, พรรคพลังประชารัฐ, พรรคประชาธิปัตย์ และภาคประชาชนที่ผ่านการรับฟังความเห็น และนายกรัฐมนตรี ลงนามผ่านพิจารณาการเป็นร่างกฎหมายการเงินจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรอร่างกฎหมายดังกล่าวของพรรคก้าวไกล จนวินาทีสุดท้ายแล้ว ก็ยังไม่มีร่างกฎหมายอากาศเป็นพิษของพรรคก้าวไกลที่ผ่านความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาถึง ดังนั้นการกล่าวหาว่า รัฐบาลเลือกปฏิบัติ หรือเลือกข้างนั้น ไม่เป็นความจริง

“การทำงานของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง และความถูกต้อง ยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ ไม่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว และก็จะต้องคำนึงกรอบกติกา และระเบียบ รวมถึงข้อควรระมัดระวังในขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ แต่ละขั้นตอน” นายจักรพล ยืนยัน

นายจักรพล ยังขอให้พรรคก้าวไกล ไม่ต้องมีความกังวลใดๆ เพราะแม้ร่างกฎหมาย จะไม่สามารถนำเข้าพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรได้ทัน แต่ สส. ของพรรคฯ ก็ยังสามารถอภิปรายแสดงความเห็นในสภาได้ รวมถึงยังสามารถแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการได้ ซึ่งเจตนารมย์ในร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลก็จะถูกพิจารณาในชั้นกรรมาธิการอยู่แล้ว ดังนั้น สาระสำคัญในร่างกฎหมาย ทั้งจากภาคประชาชน คณะรัฐมนตรี และพรรคการเมือง ก็จะถูกนำไปพิจารณาในกรรมาธิการทั้งหมด ซึ่งพรรคก้าวไกล ก็จะมีบุคคลไปร่วมเป็นกรรมาธิการ 6 คน ภาคประชาชน 13 คน ดังนั้น พรรคก้าวไกล จึงสามารถเสนอประเด็นสารัตถะสำคัญต่างๆ ที่พรรคก้าวไกลต้องการได้อย่างครบถ้วน

นายจักรพล ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคก้าวไกลกล่าวหาถึงการเอื้อประโยชน์นายทุนว่า พรรคก้าวไกลจะต้องไม่ลืมว่า ร่างกฎหมายที่ถูกเสนอโดยภาคประชาชนกว่า 22,000 รายชื่อ และร่างกฎหมายของครม. ก็มีความคล้ายคลึงกับร่างกฎหมายที่พรรคการเมืองเสนอ ดังนั้นในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการนั้น ภาคประชาชนจะมีสัดส่วน 13 คน พรรคก้าวไกล 6 คน ก็จะมีสัดส่วนมากกว่าพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว 1 คน จึงไม่ต้องกังวลว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีการเอื้อประโยชน์แก่นายทุนแต่อย่างใด

ส่วนเนื้อหาภายในร่างกฎหมายอากาศสะอาดของทุกพรรคการเมืองนั้น นายจักรพล มั่นใจว่า มีความครบถ้วนครอบคลุม ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ภายในแต่ละร่างกฎหมาย โดยเฉพาะของพรรคก้าวไกล ก็เป็นประเด็นสำคัญที่อยู่ภายใต้หลักการเดียวกันในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และหมอกควันข้ามพรมแดน รวมไปถึงมาตรการด้านการเงินการคลัง และภาษีนำเข้า ซึ่งเป็นสารัตถะที่คล้ายกันในทุกร่างกฎหมายอากาศสะอาด

“หากมองในข้อเท็จจริง ทุกร่างกฎหมายที่จะเป็นร่างกฎหมายที่สมบูรณ์ต่อประเทศชาติ จะต้องไม่มีความตกหล่น แต่ไม่ว่าร่างกฎหมายพรรคก้าวไกล จะได้เข้า หรือไม่ได้เข้าพิจารณา รัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับทุกความเห็น และทุกข้อมูลของพรรคการเมืองในการพิจารณาอยู่แล้ว ดังนั้น ความกังวลของพรรคก้าวไกลที่เนื้อหาจะไม่ถูกพิจารณาจึงไม่เป็นความจริงอย่างยิ่ง เพราะก็ยังจะเป็นส่วนที่รัฐบาลหยิบมาวิเคราะห์ และศึกษาร่วมกันอย่างที่สุด สาระสำคัญไม่ตกหล่นแน่นอน” นายจักรพล ยืนยัน

ด้าน นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ เขต 8 (หางดง สันป่าตอง) พรรคก้าวไกล แถลงที่รัฐสภาวันนี้ (10 ม.ค. 67) ตั้งคำถามและขอคำยืนยันไปยังวิปรัฐบาลว่า สุดท้ายแล้วพรุ่งนี้ (11 ม.ค. 67 จะมีร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาด เข้ามาพิจารณาในสภาฯ กี่ฉบับ เพราะที่ประชุมวิปรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ (8 ม.ค. 67) ก็ทราบดีว่า มีร่างทั้งหมด 7 ฉบับ แต่ในวาระการประชุมสภาฯ พรุ่งนี้ (11 ม.ค. 67) กลับมีการบรรจุแค่ 6 ฉบับเท่านั้น และเหตุใดร่างของพรรคก้าวไกล จึงเป็นฉบับเดียวที่ไม่ถูกบรรจุ ทั้งที่หากพิจารณาในแง่ระยะเวลา ไม่ได้ล่าช้ากว่าร่างของพรรคประชาธิปัตย์และร่างของพรรคพลังประชารัฐ

นายภัทรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดนของพรรคก้าวไกล มีเนื้อหาไม่ตรงกับหลักการในร่างของครม. ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะร่างทั้ง 7 ฉบับแม้จะแตกต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย แต่ล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 เชื่อว่าการพิจารณาร่างทั้ง 7 ฉบับร่วมกัน จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาและความขัดแย้งในชั้นกรรมาธิการแน่นอน เพราะความแตกต่างในข้อกฎหมายจะช่วยเติมเต็มให้กันและกัน และทำให้ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ที่เรื้อรังมาเป็นระยะเวลายาวนานได้

นายภัทรพงษ์ ย้ำว่า ร่างของพรรคก้าวไกลมีจุดเด่นที่แตกต่างจากร่างอื่นๆ คือมีการเชื่อมโยงผู้กระทำความผิดกับโทษที่จะได้รับให้สมบูรณ์และรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานการผลิตทั้งระบบห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) เช่น สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีกรรมวิธีเก็บเกี่ยวที่ถูกต้องหรือไม่ ก่อมลพิษหรือไม่ โดยต้องส่งรายงานให้คณะกรรมการฯ ตาม พ.ร.บ.ฝุ่นพิษฯ เป็นผู้พิจารณา รวมถึงต้องรายงานพิกัดการปลูกที่ชัดเจนเพื่อให้คณะกรรมการฯ ตรวจสอบภาพถ่ายทางดาวเทียมย้อนกลับไปได้ว่า รายงานที่ผู้ประกอบการส่งมาเป็นความจริงหรือไม่ นอกจากนี้ยังกำหนดให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 ส่งตรงถึงสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สภาฯ พิจารณาถึงแผนงาน การดำเนินการ และประเมินผลการดำเนินการร่วมกัน เพื่อให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชนมากที่สุด

ทั้งนี้ นายภัทรพงษ์ ยังคงหวังว่า วิปรัฐบาลจะผลักดันให้ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ทั้ง 7 ฉบับ เข้าพิจารณาพร้อมกันในสภาฯ วันพรุ่งนี้และหวังว่าปัญหาฝุ่นพิษที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน จะไม่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง