โครงการ ‘HOMA เชิงทะเล’ เจาะกลุ่ม Digital Nomad สะดวกครบครัน เลี้ยงสัตว์ได้

โควิด-19 เข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานของผู้คนทั่วโลก เทรนด์ ‘Digital Nomad’ ที่สามารถทำงานที่ไหนก็ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มออกจากประเทศของตัวเองมากขึ้น และมองหาสถานที่สามารถท่องเที่ยวไปด้วยทำงานไปด้วยแทน

หลายประเทศกลายเป็นจุดหมายปลายทางของคนกลุ่มนี้ หนึ่งในนั้นก็คือ ‘ประเทศไทย’ ซึ่งสำหรับไทยเราแล้ว หัวเมืองหลักๆ ที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวและ Digital Nomad ก็คือ ‘ภูเก็ต‘ 

ที่น่าสนใจตอนนี้คือ กลุ่ม Digital Nomad ไม่ได้เลือกอยู่อาศัยในภูเก็ตระยะสั้นๆ อีกต่อไป แต่ส่วนใหญ่เลือกอาศัยอยู่ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปีเลยทีเดียว

[ อพาร์ตเมนต์แบบ Co-living  ]

หนึ่งในทางเลือกของที่พักอาศัยระยะยาว เหมาะกับสำหรับกลุ่ม Digital Nomad คือ ‘เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์’ เพราะมีเซอร์วิสและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เหมาะกับการอยู่อาศัยระยะยาว 

HOMA หนึ่งในผู้ให้บริการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์และโรงแรมชั้นนำ มองเห็นโอกาส จึงเปิดตัวโครงการใหม่ ‘HOMA เชิงทะเล’ (โครงการที่ 3) อพาร์ตเมนต์แบบ Co-living ใกล้หาดบางเทาและลากูน่า  

มาพร้อมห้องพักรับรองผู้อาศัย 423 ห้อง ตอบรับดีมานด์ของนักท่องเที่ยวและ Digital Nomad จากทั่วทุกมุมโลก ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ (1 ม.ค.  2567) มีอัตราการเข้าพักสูงถึง 55%

[ เน้นพื้นที่ส่วนกลางและกิจกรรม ]

45% ของตัวโครงการถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลาง อาทิ ฟิตเนส ห้องโยคะ พื้นที่ Co-working Space สระน้ำ ห้องอาหาร พร้อมทั้งมีกิจกรรมพบปะรายสัปดาห์ ตั้งแต่การชมภาพยนตร์งยามค่ำคืน สโมสรฟุตบอล ไปจนถึงเวิร์คช็อปพิเศษและกิจกรรม Networking

ภายในโครงการอำนวยความสะดวกให้กับผู้พักอาศัยหรือผู้มาเยี่ยมเยือนด้วย ร้านกาแฟ ‘People ที่ให้บริการจำหน่ายเครื่องดื่ม ขนมหวาน บริเวณชั้นล่างใกล้ๆ ล็อบบี้ และร้านอาหาร ‘Mingle’ ร้านอาหารริมสระน้ำบนชั้นดาดฟ้าที่เหมาะสำหรับการใช้เป็นพื้นที่สังสรรค์

ตอบโจทย์กลุ่มผู้พักอาศัยระยะยาว รองรับไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบ 

[ เซอร์วิสครบครัน ที่สำคัญเลี้ยงสัตว์ได้ ]

นอกจากนี้ โครงการยังมุ่งสร้างความเป็นชุมชน อยู่ร่วมกันแบบเพื่อนบ้านที่ดี มาพร้อมกับเซอร์วิสที่ครบครับ อาทิ บริการทำความสะอาด และความช่วยเหลืออื่นๆ 

มากไปกว่านั้น โครงการยังเป็น ‘Pet Friendly’ ที่ผู้พักอาศัยสามารถเอาสัตว์เลี้ยงเข้าพักด้วยได้ มีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักแก่สัตว์เลี้ยง อาทิ ที่นอน และชามอาหาร เป็นต้น

กลุ่มลูกค้าของ HOMA 60% เข้าพักแบบเช่ารายปี 20% เข้าพักแบบเช่ารายเดือนเฉลี่ย 1-9 เดือน และอีก 20% เข้าพักแบบระยะสั้นเหมือนโรงแรมทั่วไป ซึ่งจากจำนวนเฉลี่ยนี้ สะท้อนให้เห็นแล้วว่าอัตราการเข้าพักระยะยาวมีมากกว่า

[ ราคาเข้าถึงได้ รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ]

หนึ่งในจุดแข็งหลักของ HOMA ที่สามารถดึงผู้พักอาศัยในระยะยาวได้มากเลยคือ ‘ราคาที่เข้าถึง’ ได้  

‘ลูก้า ดอตติ’ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของโฮม่า บอกว่า หลังการระบาดของโควิด-19 มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากธุรกิจต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานที่ท่องเที่ยว และอสังหาริมทรัพย์ ในบริเวณพื้นที่เชิงทะเลและบางเทา ส่งผลให้ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายในการอยู่อาศัยสูงขึ้น 

แต่ HOMA ต้องการสร้างที่อยู่อาศัยใน ‘ราคาที่เข้าถึงได้’ มาพร้อมกับเพื่อนบ้านที่ดี เซอร์วิสครบครัน สนับสนุนไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คู่รัก หรือนักเดินทางคนเดียวก็รู้สึกสบายเหมือนอยู่ ‘บ้าน’

ทั้งนี้ ราคารายเดือนของโครงการเริ่มต้น 20,000 บาท ไปจนถึงหลักแสนบาท ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับเดือนและระยะเวลาการเช่า 

[ ทิศทางธุรกิจ HOMA หลังจากนี้ ]

สำหรับทิศทางในปี 2567 นี้ HOMA คาดการณ์ว่ารายได้ของสาขาเชิงทะเลจะรวมอยู่ที่ประมาณ 178 ล้านบาท คิดเป็นรายได้จากห้องพักจะอยู่ที่ประมาณ 134 ล้านบาทและรายได้จากส่วนอื่นๆ อีก 44 ล้านบาท 

HOMA มีแผนจะขยายสาขา HOMA ไปยังหัวเมืองอื่นๆ รวมถึงกรุงเทพมหานคร และคาดการณ์ว่าในปี 2567-2570  HOMA ทุกสาขารวมกันจะมีห้องพักราวๆ 3,000- 5,000 ห้องเลยทีเดียว