SHARE

คัดลอกแล้ว

คุณจะเลือกอะไรระหว่างค่าตอบแทนสูงลิ่ว ครอบคลุมไลฟ์สไตล์ชีวิตครบถ้วนทุกมิติ แต่ต้องแลกมากับการทำงานหามรุ่งหามค่ำอย่างหนัก หรือความสบายใจที่ไม่ต้องมีเงินเดือนมากมาย มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่น มีสมดุลชีวิตที่ดี?

หลายคนอาจเลือกอย่างหลัง แต่มีบางคนที่พร้อมแลกชีวิตไปกับค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ ซึ่งองค์กรเองก็รู้ดีว่า ต้องจ่ายให้กับคนทำงานแบบไหน ด้วยจำนวนเท่าไร เมื่อได้รับเงินเดือนที่สูงมากพอ คนทำงานเหล่านี้ไม่เพียงมีวิธีคิดว่า ตนเองต้องทุ่มเททำงานอย่างหนักให้สมกับสิ่งที่ได้รับ แต่พวกเขายังปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตล้อไปกับตัวเลขที่สูงขึ้น

แม้ว่างานจะหนักจนบั่นทอนสุขภาพจิต เผชิญกับสภาวะความเครียดมากแค่ไหน แต่ด้วยเงื่อนไขทั้งหมดนี้ ก็ทำให้พวกเขาติดอยู่กับ ‘กุญแจมือทองคำ’ ที่ยากจะสลัดออกได้ในเร็ววัน

[ ขายวิญญาณ แลกเงินเดือน-โบนัสสูง ถูกโซ่ทองคล้องไว้กับโต๊ะทำงาน ]

‘Golden Handcuffs’ หรือ ‘กุญแจมือทองคำ’ ถูกพูดถึงครั้งแรกในปี 1976 พร้อมกับการมาถึงของความรุ่งเรืองในย่าน ‘Wall Street’ ศูนย์กลางทางการเงินของโลก อันเป็นที่หมายปองของมนุษย์ทองคำทุกยุคทุกสมัย ณ ตอนนั้นเงินเดือนของคนทำงานใน Wall Street เริ่มแซงหน้าค่าตอบแทนของพนักงานเอกชนโดยเฉลี่ยไปแล้วหลายก้าว แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า ความดุเดือดของการทำงานในย่านดังกล่าวหนักหนาสาหัสเพียงใด

ด้วยตำแหน่งงานที่อยู่ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันอันเข้มข้น สิ่งที่คนทำงานใน Wall Street ได้รับ จึงไม่ได้มีเพียงเงินเดือนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่ยังรวมไปถึงโบนัสประจำปี หุ้น ผลประโยชน์มากมายที่รวมๆ แล้วมากถึงหลักแสนดอลลาร์ ทำให้คนทำงานกลุ่มนี้ยอมแลกชีวิตและความสบายตัวให้กับสิ่งอำนวยความสะดวก จนเป็นที่มาของการเปรียบเปรยกับ ‘กุญแจมือสีทอง’ 

‘Rubab Jafry O’Connor’ ศาสตราจารย์ด้านการจัดการ จาก Tepper School of Business มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ให้ความเห็นว่า การที่องค์กรหลายแห่งยอมจ่ายเงินเดือนระดับสูงเพื่อรักษาพนักงานเก่งๆ เอาไว้ ไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้จุดประสงค์ในการดึงดูดคนทำงานให้อยู่กับองค์กรไปนานๆ เท่านั้น แต่ยังสอดแทรกไว้ด้วยวิธีคิดทางจิตวิทยาที่มองว่า หากพวกเขาจ่ายค่าตอบแทนสูงมากพอ คนทำงานก็จะเกิดความรู้สึกว่า พวกเขาต้องทำงานอย่างเต็มที่ให้สมกับที่บริษัทจ่ายให้

เธอให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การให้ค่าตอบแทนที่ดีกับพนักงานอยู่ภายใต้ความคาดหวังที่ว่า คนทำงานจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่บริษัทต้องการ โดยเปรียบเทียบค่าตอบแทนกับโรงแรมระดับ 5 ดาว และโมเต็ลว่า เมื่อเราอยู่ภายใต้สถานที่มีระดับ หรูหรา เราจะปฏิบัติตัวอีกแบบหนึ่ง ต่างกับตอนที่เราอาศัยในโมเต็ล ค่าตอบแทนก็เช่นกัน เมื่อได้รับเงินเดือนและสวัสดิการที่สูงมากพอ หรือบางครั้งอาจเกินกว่าความคาดหวัง ก็จะยิ่งทำให้พนักงานรู้สึกว่า พวกเขาต้องทุ่มเทให้กับงานตรงหน้าอย่างเต็มที่

ด้วยวิธีคิดเช่นนี้ ทำให้หลายคนยอมแลกชีวิตให้กับราคาที่บริษัทพร้อมจะจ่าย ‘Lewis’ อดีตคนทำงานในบริษัทที่ปรึกษายักษ์ใหญ่ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว BBC ว่า ตนเองได้รับค่าตอบแทนกว่า 150,000 ยูโรต่อเดือน คิดเป็นเงินไทยกลมๆ ก็อยู่ที่ 5.9 ล้านบาท นับเป็นตัวเลขที่สูงมาก มากพอที่จะทำให้คนๆ หนึ่งยอมถูกกุญแจมือคล้องไว้ได้นานหลายปี

เขาอธิบายความรู้สึก ณ ตอนนั้นว่า เกมขององค์กร คือการเล่นแร่แปรธาตุกับจิตวิทยาของคนทำงาน เมื่อยอมรับเงื่อนไขและราคาที่บริษัทจ่ายให้มากขนาดนี้ คุณจะเกิดความรู้สึกเข้ามาในหัวมากมาย หากคิดอนุญาตให้ตัวเองผ่อนคลายไปมากกว่านี้ การทำงานติดต่อกัน 12 ชั่วโมงต่อวัน คือสิ่งที่ดีแล้ว เหมาะแล้วกับค่าจ้างที่ได้รับ ถ้าเหนื่อยจนคิดอยากจะลาออก คำถามที่ตามมาก็คือคุณยอมลดเงินเดือนตัวเองได้มากแค่ไหนกัน

‘Golden Handcuffs’ ไม่เพียงสร้างความหวาดวิตก ความรู้สึกผิด หรือยับยั้งช่างใจกับตัวเองเมื่อรู้สึกเหนื่อยกับการทำงาน แต่ยังทำให้เรายอมแลกความเป็นพิษทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างทางไปกับค่าตอบแทนจำนวนมหาศาล เมื่อคนเราเงินเดือนเพิ่มขึ้น ก็มักจะมาพร้อมกับค่าใช้จ่าย ไลฟ์สไตล์ และการให้คุณค่ากับตัวเองตามค่าตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย

‘Lucy Maeve Puttergill’ อดีตสาวแบงก์ในกรุงลอนดอนที่ผันตัวมาเป็นไลฟ์โค้ชบอกว่า ลูกค้าของเธอหลายรายที่ได้รับค่าตอบแทนสูง ทั้งในแวดวงกฎหมาย การเงิน และบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในช่วง Mid-career แล้ว บอกว่า อยากลาออกและหันหลังให้อาชีพนี้แล้ว แต่ยังทำไม่ได้ด้วยเงินเดือนที่สูงกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า ตนเองมีภาวะ ‘Dead inside’ และหลายคนก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่า ตนเองกำลังเผชิญกับสภาะเช่นนี้อยู่

[ ค่อยๆ ปลดกุญแจมือ ประเมินทางเลือก หาไทม์ไลน์เส้นอื่นในการไปต่อ ]

‘Puttergill’ ระบุว่า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจิตที่ต้องแลกมากับการทำงานภายใต้กุญแจมือสีทองเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้ ยิ่งเป็นไฟล์ตบังคับให้คนทำงานต้องยอมทนไปก่อน การเกษียณอายุงานในเร็ววันไม่ใช่เรื่องง่าย มีเพียงไม่กี่คนที่สร้างรายได้หลายล้าน และหยุดงานได้ก่อนวัยอันควร

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่า หนทางในการปลดล็อกกุญแจมืดจะบอดเสียทีเดียว คำแนะนำจากเว็บไซต์ Forbes ระบุว่า ลองจินตนาการถึงอนาคตที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดในปัจจุบัน จริงๆ แล้วคุณอยากมีชีวิตในอนาคตอีก 5 ปี 10 ปีแบบไหน ยังอยากติดอยู่ภายใต้กุญแจมืออีกหรือไม่ และทำอย่างไรจึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานตรงหน้า

ที่พูดแบบนี้ไม่ได้แปลว่า ให้เดินไปเขียนใบลาออกทันที อย่าหักกุญแจมือในคราวเดียว แต่ค่อยๆ ขยับ-คลายล็อกออกทีละน้อย หากกังวลเรื่องเงินเดือนที่ลดลง คุณอาจต้องปรับพอร์ตวางแผนการลงทุนและการเกษียณอายุใหม่หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปโดยยึดจากฐานเงินเดือนเป็นสิ่งสำคัญ แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าจะทำไม่ได้เลย

ปัจจุบัน ‘Lewis’ ลาออกจากบริษัทที่ปรึกษาเงินเดือนหลักล้านบาท ยอมโดนลดเงินเดือนราว 10% ซึ่งเป็นตัวเลขที่พอรับได้ แลกกับสมดุลชีวิตที่ดีขึ้น สุขภาพจิตที่ดีขึ้น และงานนี้ก็ยังให้ผลตอบแทนและคุณค่าแก่ตัวเขาไม่น้อยไปกว่าการอยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่ 

แต่นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่ความฝัน การยอมลดเงินเดือนจำนวนมากเพื่อปลดล็อกกุญแจ อาจสร้างความทุกข์ใจในอนาคตมากกว่านี้ ค่อยๆ คิดวางแผนหาทางไปข้างหน้า อย่าลืมว่า กว่าจะมาถึงตรงนี้ ด้วยตำแหน่งและเงินเดือนเท่านี้ แปลว่า ความสามารถคุณไม่ใช่น้อยๆ เลย อย่าขังตัวเองไว้เพียงเพราะคิดว่า จะไม่มีทางหาลู่ทางที่ดีกว่านี้ได้ มั่นใจในความสามารถตัวเองเข้าไว้

But first, it requires freedom from the golden handcuffs. เพราะก่อนอื่นคุณต้องคลายอิสรภาพออกจากกุญแจมือทองคำเสียก่อน

ที่มา : bbcforbes

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า