‘ภูมิธรรม’ ไม่หนักใจ หลัง นายกฯ แบ่งงานให้ดู ‘กลาโหม’ มั่นใจรัฐบาลทำงานร่วมทหารได้

‘ภูมิธรรม’ ไม่หนักใจ หลังนายกฯ แบ่งงานให้ดู ‘ก.กลาโหม’ มั่นใจรัฐบาลพลเรือนทำงานร่วมทหารได้ ขออย่าพูดเรื่องรัฐประหาร

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวในวันที่ 7 พ.ค. 67 ถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรีใหม่ โดยได้มอบหมายงานให้ดูแลกระทรวงกลาโหม, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่า ตนเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ซึ่งการได้ดูแลกระทรวงเกษตรฯ ร่วมด้วยก็จะทำให้ครบวงจร ในการแก้ไขปัญหา

ในขณะที่ได้ดูแลกระทรวงกลาโหมนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้หนักใจ เพราะนายกฯ เป็นคนดูในภาพใหญ่อยู่แล้ว ซึ่งในส่วนที่ตนดูแล คณะกรรมการต่างๆ ก็เป็นส่วนที่เกี่ยวพันกันอยู่แล้ว โดยได้ดูทั้งเรื่องของความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์, ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือศอ.บต. ซึ่งหลายอย่างก็เกี่ยวกับความมั่นคง พร้อมย้ำว่า ไม่ได้หนักใจอะไร เพราะผู้นำเหล่าทัพมีศักยภาพในการดูแลอยู่แล้ว ส่วนตนเป็นนักบริหาร ก็ทำหน้าที่ประสานงาน ส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดการแก้ปัญหา

เมื่อถามว่า เพราะเป็นนักการเมืองที่สามารถดูแลผู้นำเหล่าทัพได้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถถามตนได้ ต้องถามท่านอื่นๆ แต่สำหรับตนเป็นคนทำงานกับทุกคนได้ ซึ่งใช้วิธีการทำงานด้วยการรับฟังสิ่งต่างๆ และมีส่วนร่วม ย้ำนักการเมืองถือเป็นนักบริหาร ต้องสามารถดูแลได้ทุกกระทรวงฯ เพราะเราไม่ใช่เป็นผู้ไปดำเนินการเองทั้งหมด

นายภูมิธรรม ยืนยันว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะคนเป็นนายกฯ ต้องดูภาพรวมทั้งหมด ซึ่งนายกฯ ได้แบ่งงานให้กับรองนายกฯ ทุกคน ดูงานแทนหมดทุกคน เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลาท่านนายกฯ ก็สามารถลงมาดูงานได้ อย่างไรก็ตามตำแหน่งรองนายกฯ มีหน้าที่กำกับดูแลกระทรวงฯ แต่นายกรัฐมนตรีจะกำกับดูแลทุกกระทรวงฯ อยู่แล้ว เพราะขนาดคนเป็นรัฐมนตรีว่าการฯ และรัฐมนตรีช่วยฯ ก็จะแบ่งงานกันดูแลกรมต่างๆ ซึ่งการแบ่งงานให้รองนายกฯ ก็ต้องแบ่งตามสภาพ เพราะบางคนมีงานอยู่ในมือเป็นจำนวนมาก ใครที่มีงานในมือน้อยก็ต้องรับไป ซึ่งก็ต้องช่วยกันดูแล

ส่วนกระแสดราม่าเรื่องการออกกฏหมายสกัดการทำรัฐประหาร นายภูมิธรรม หัวเราะออกมาทันที พร้อมระบุว่า ตนโดนจี้ โดนอะไรมาเยอะ ตอนนี้คงไม่ต้องมาพูดเรื่องการทำรัฐประหาร แต่ตอนนี้เราเป็นรัฐบาลพลเรือนที่ต้องทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ซึ่งเชื่อว่า รัฐบาลสามารถทำงานร่วมกับฝ่ายทหารได้ เพราะทุกคนต่างรักประเทศชาติเหมือนกัน อย่าไปพูดเรื่องการทำรัฐประหาร เพราะรัฐบาลไม่ใช่บุคคลที่จะสามารถทำได้ แต่เราเป็นรัฐบาลที่ตั้งใจทำงานให้กับประเทศชาติ และรู้จักที่จะประสานงาน รับฟังจากส่วนต่างๆ ไม่เคยคิดจะไปล้วงลูกข้าราชการประจำ เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องทำทุกอย่างตามที่ได้แถลงต่อรัฐสภา หากติดขัดอะไรก็ต้องคุยกัน

เมื่อถามว่า รู้ตัวก่อนหรือไม่ว่าจะได้ดูแลกระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ฟังคร่าวๆ ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนงาน เพราะมีการปรับเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรี ซึ่ง นายพิชัย ชุหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง ก็มีงานหนักอยู่แล้ว คือต้องดูเรื่องของเศรษฐกิจ ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ก็ต้องดูเรื่องของการคมนาคม

ในการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 7 พ.ค. 67 ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีนั้น ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ได้แก่

1. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กำกับและติดตาม การปฏิบัติราชการ ดังนี้ เขตตรวจราชการที่ 2 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคกลางปริมณฑล ประกอบด้วย จ.นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม และสมุทรปราการ, เขตตรวจราชการที่ 10 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วย จ.บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี, เขตตรวจราชการที่ 14 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จ.ยโสธร ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

2. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม กำกับและติดตาม การปฏิบัติราชการ ดังนี้ เขตตรวจราชการที่ 12 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง ประกอบด้วย จ.กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม และร้อยเอ็ด, เขตตรวจราชการที่ 17 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จ.ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และอุตรดิตถ์, เขตตรวจราชการที่ 18 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จ.กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร และอุทัยธานี

3. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการ ดังนี้ เขตตรวจราชการที่ 6 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย จ.กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล, เขตตรวจราชการที่ 8 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคตะวันออก 1 ประกอบด้วย จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง, เขตตรวจราชการที่ 15 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน

4. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการ ดังนี้ เขตตรวจราชการที่ 5 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ประกอบด้วย จ.ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี และสงขลา, เขตตรวจราชการที่ 13 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จ.ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์, เขตตรวจราชการที่ 16 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย จ.เชียงราย น่าน พะเยา และแพร่

5. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการ ดังนี้ เขตตรวจราชการที่ 1 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัด ภาคกลางตอนบน ประกอบด้วย จ.ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี และอ่างทอง, เขตตรวจราชการที่ 3 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 ประกอบด้วย จ.กาญจนบุรี ราชบุรี และจ.สุพรรณบุรี เขตตรวจราชการที่ 7 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ประกอบด้วย จ.นราธิวาส ปัตตานี และยะลา

6. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กำกับและติดตาม การปฏิบัติราชการ ดังนี้ เขตตรวจราชการที่ 4 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร, เขตตรวจราชการที่ 9 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 2 ประกอบด้วย จ.จันทบุรี ตราด นครนายก ปราจีนบุรี และสระแก้ว และเขตตรวจราชการที่ 11 ของสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน 2 ประกอบด้วย จ.นครพนม มุกดาหาร และสกลนคร

ภาพ กระทรวงพาณิชย์, สำนักโฆษกฯ ทำเนียบรัฐบาล