SHARE

คัดลอกแล้ว

หนึ่งในประเด็นร้อนแรงที่ถูกจับตาและวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องค่ายรถยนต์จากจีนที่เข้ามาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรืออีวีในประเทศไทย ด้วยมูลค่าลงทุนหลายหมื่นล้านบาท แต่มีความเป็นห่วงว่าสุดท้ายแล้วผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทยโดยเฉพาะผู้ผลิตชิ้นส่วนรายเล็กๆ หลายร้อยรายอาจจะไม่ได้อานิสงส์จากกระแสนี้หรือไม่

ก่อนหน้านี้บรรดาภาคเอกชนได้หารือไปที่กระทรวงอุตสาหกรรมว่า อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไทยอาจจะไม่ได้รับประโยชน์ เพราะจีนมีการนำเทคโนโลยีและคนเข้ามาด้วย จึงนำมาสู่ข้อเรียกร้องให้กำหนดสัดส่วนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศไทย

‘นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์’ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์จากจีนที่ได้เริ่มผลิตอีวีในประเทศไทยแล้วมี 3 ราย ได้แก่ GWM, NETA และ MG ส่วน BYD และ GAC Aion มีแผนเริ่มผลิตในช่วงไตรมาส 3 – 4 ของปีนี้ และ Changan จะเริ่มผลิตในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจะทยอยเพิ่มสูงขึ้น การเปิดเวทีครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศจะได้รับฟังทิศทางการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและแผนการจัดซื้อชิ้นส่วนโดยตรงจากผู้บริหารค่ายรถยนต์ สร้างโอกาสการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกัน และร่วมกันยกระดับ Supply Chain ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เข้มแข็ง เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลกในอนาคต

เขากล่าวว่า บีโอไอ ได้ให้สิทธิประโยชน์ครอบคลุมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกเซกเมนต์ และชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 17 ชิ้น รวมทั้งแบตเตอรี่ และสถานีชาร์จ โดยในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท มีโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ (BEV) 18 โครงการ เงินลงทุนประมาณ 40,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารวม 400,000 คัน

ล่าสุดคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จัดกิจกรรมพิเศษ “BOI Symposium: EV Supply Chain Edition” ระหว่างวันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2567

โดยได้เชิญ 7 ค่ายรถยนต์ชั้นนำของจีน ได้แก่

BYD
MG
Great Wall Motor
NETA
Changan
GAC Aion
Omoda & Jaecoo

มาร่วมแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ และแนวทางการยกระดับผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ Supply Chain ของโลก โดยมีผู้ผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมรับฟังแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ กว่า 1,500 คน

ผู้บริหารค่ายรถจีนแต่ละรายระบุว่า มีจุดยืนในการใช้ไทยเป็นฐานผลิตหลักในอาเซียน และมองโอกาสที่จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้ได้ถึง 90% เพื่อให้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกในอนาคต

ในรายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้าง เราลองมาฟังแนวคิดของแต่ละค่ายรถจีนถึงความเป็นไปได้นี้กัน

‘หม่า ไห่หยาง’ (Ma Haiyang) ผู้จัดการทั่วไปด้านธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท GAC AION New Energy Automobile หรือ GAC AION กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาห่วงโซ่การผลิตในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง และต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งจะมีการลงทุนในส่วนโรงงานผลิต รวมทั้งจัดจำหน่ายในไทยและต่างประเทศ

โดยจะร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

‘หยู่ปิน เคอ’ (Yubin Ke) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าในปี 2023 BYD เป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ยอดขายอันดับ 1 ของโลก และมียอดขายสะสมทั่วโลกกว่า 7 ล้านคันในเดือนมีนาคม 2024 ปัจจุบันโรงงานบีวายดีเตรียมใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 40% จากผู้ผลิตชิ้นส่วนหลายรายในประเทศไทย และมีแผนการจัดซื้อเพิ่มขึ้นทุกปี

ในอนาคตจะยกระดับการผลิตและพัฒนาชิ้นส่วนในประเทศให้เป็น “Made in Thailand” เพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกัน

‘เซิน ซิงหัว’ (Shen Xinghua) ประธานบริษัท บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฉางอานมีเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีแผนลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลิตรถยนต์พลังงานใหม่กว่า 1.5 ล้านคัน

สำหรับประเทศไทย ฉางอันต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางในอาเซียน ทั้งการผลิต ขาย รวมถึงการวิจัยและพัฒนา โดยจะมีการลงทุนราว 10,000 ล้านบาท บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มผลิตรถยนต์ได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 มีกำลังการผลิตมากกว่า 100,000 คัน โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศถึง 60% และมีโอกาสที่จะเพิ่มไปถึง 90% จากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลไทย

‘ไมเคิล ฉง’ (Michel Chong) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า GWM ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ลงทุนตั้งโรงงานผลิตที่ จ.ระยอง แล้วกว่า 12,500 ล้านบาท มีการจ้างแรงงานกว่า 3,000 คน มีกำลังการผลิตรถยนต์ 80,000 คันต่อปี

และในอนาคตมีแผนลงทุนในไทยเพิ่มเป็น 22,500 ล้านบาท โดยจะร่วมมือกับซัพพลายเออร์ในประเทศไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงยกระดับ Supply Chain ของไทยให้แข็งแกร่งมากขึ้นและสร้างการเติบโตให้กับประเทศไทยในระยะยาว โดยจะเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 80 – 90% ภายใน 3 – 5 ปีข้างหน้า

‘ชู กังจื้อ’ (Shu Gangzhi) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า เนต้า ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากตลาดในประเทศไทย โดยปี 2022 ได้เปิดตัวรถยนต์ 1 รุ่นเพื่อทำตลาดในประเทศไทย โดยมียอดขายเป็นอันดับ 2 และปีนี้โรงงานเนต้าในประเทศไทยจะเริ่มเดินเครื่อง โดยมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 60% จากผู้ผลิต 16 ราย และตั้งเป้าเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้ได้ถึงร้อยละ 85

“บริษัทเชื่อมั่นการลงทุนในไทย ด้วยความพร้อมของ Supply Chain ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย เชื่อว่าทั้งจีนและไทยจะประสบความสำเร็จร่วมกันในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก”

‘ฉี เจี๋ย’ (Qi Jie) ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Chery Group กล่าวว่า บริษัทฯ ถือเป็นน้องใหม่ที่เข้ามาทำตลาดประเทศไทย แต่เป็นน้องใหม่ไฟแรงที่พร้อมทำงานร่วมกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในแต่ละประเทศ บริษัทมีโรงงานผลิตรวม 10 แห่งทั่วโลก โดยรถยนต์ของบริษัทมีการส่งออกไปยัง 80 ประเทศทั่วโลก และไทยจะเป็นฐานผลิตหลักในอาเซียน

“บริษัทฯมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนในแต่ละประเทศ ดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนจากจีนเข้ามาร่วมมือกัน ให้เกิด “Win-Win” ทั้งสองฝ่ายเพื่อร่วมกันพัฒนาห่วงโซ่การผลิตรถยนต์พลังงานใหม่อย่างสมบูรณ์ให้เกิดขึ้นทั่วโลก”

ปิดท้ายที่ ‘สุโรจน์ แสงสนิท’ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ MG กล่าวว่า MG ได้เข้ามาทำตลาดในไทยปีนี้เป็นปีที่ 11 มีการผลิตรถยนต์หลากหลายรุ่น รวมยอดขายสะสม 225,000 คันในประเทศไทย และต้นปี 2024 ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรก MG4 เพื่อจำหน่ายในตลาดประเทศไทย โดยบริษัทได้ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ และร่วมมือกับ Supplier ไทย ในการพัฒนานวัตกรรม รวมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

“เชื่อมั่นว่านโยบายสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทย และสามารถเพิ่มโอกาสในการเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลก”

ทั้งหมดคือแนวคิดจาก 7 ผู้บริหารที่ยังต้องติดตามกันต่อไปว่าไทยจะได้อานิสงส์จากการเข้ามาของค่ายรถยนต์จีนในระดับใด ท่ามกลางค่ายรถจากต่างประเทศที่ได้สิทธิประโยชน์ครอบคลุมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกเซกเมนต์ และชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ รวมทั้งแบตเตอรี่ และสถานีชาร์จ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า