มติกกต. เอกฉันท์ ไม่อุทธรณ์ คำพิพากษาศาลฯ เพิกถอน ระเบียบแนะนำตัว สว.

มติกกต. เอกฉันท์ ไม่อุทธรณ์ คำพิพากษาศาลฯ เพิกถอน ระเบียบแนะนำตัว สว.

วันนี้ (27 พ.ค. 67) เวลา 16.30 น. แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงโดยสรุปว่า ตามที่ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 67 ให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระเบียบว่าดว้ยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พ.ศ. 2567 โดยให้มีผลย้อนหลังในวันที่ระเบียบดังกล่าวมีผลใช้บังคับนั้น วันนี้ กกต. ได้พิจารณาคำพิพากษาและข้อเสนอของสำนักงานฯ

“เพื่อประโยชน์แห่งการเลือก สว. เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนด ที่ประชาชนจะได้ สว. ตามไทม์ไลน์ที่ได้วางไว้ คือประมาณต้นเดือนกรกฎาคม กกต. ได้พิจารณาแล้ว จึงไม่เห็นสมควรอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ทั้งนี้จะไม่มีการแก้ไขระเบียบใดๆ ผู้สมัครสามารถแนะนำตัวได้ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2 ควบคู่ไปกับคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง” นายแสวง ระบุตอนหนึ่ง

เลขาธิการ กกต. กล่าวด้วยว่า อันที่ศาลฯ ให้ยกเลิกก็เป็นสิทธิหรือเสรีภาพของผู้สมัครที่จะแนะนำตัวตามคำพิพากษา ยกตัวอย่าง เรื่องกระดาษก็ไม่ต้องมีจำนวนหน้า เรื่องประวัติ ประสบการณ์ก็เพิ่มได้มากขึ้น อาจจะแสดงจุดยืน หรือวิสัยทัศน์ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากใครเข้าถึงสื่อได้มากกว่าจะได้เปรียบกว่าหรือไม่ นายแสวง กล่าวว่า เมื่อศาลออกมาลักษณะนี้ ก็ต้องปฏิบัติตามนี้ เมื่อเราไม่อุทธรณ์

เมื่อถามถึงพบความผิดปกติในการสมัคร สว. หรือไม่นั้น นายแสวง กล่าวตอนหนึ่งว่า สำหรับจำนวนผู้สมัคร 4 หมื่นกว่า เกือบ 5 หมื่น ก็เห็นว่าค่อนข้างจะเป็นธรรมชาติ แต่ว่ามีผิดปกติหรือไม่ ได้รับรายงานมาหลายจังหวัด สำนักงานฯ ก็ต้องตรวจสอบ คนไปสมัครยังไม่ได้บอกว่าผิด ต้องดูว่าเขาขอคะแนน เขาได้แลกคะแนน เขาได้ฮั้ว ได้มีการจัดตั้ง หรือจ้างมาสมัครหรือไม่ อันนั้นก็อยู่ที่พยานหลักฐาน

เมื่อถามถึงการให้สัมภาษณ์สื่อของผู้สมัคร สว. นายแสวง กล่าวว่า อะไรที่ไม่ยกเลิกก็ปฏิบัติตามเดิม อันไหนที่ยกเลิกก็เหมือนเป็นสิทธิของทางผู้สมัครที่จะแนะนำตัวได้

[พบ 10 คนจะไม่ได้ไปต่อในระดับจังหวัด]

เลขาธิการ กกต. ยังกล่าวถึงการรับสมัคร สว.ว่า จากข้อมูลพบ 2 อำเภอที่ไม่มีผู้สมัครเลย และมีอีก 7 อำเภอ ที่มีผู้สมัครเพียงกลุ่มเดียว รวมจำนวน 10 คน ซึ่งจะไม่สามารถผ่านไปยังการเลือกในระดับจังหวัดได้ เพราะโดยหลักการ จะต้องมีการเลือกไขว้ และต้องมีคะแนนอย่างน้อย 1 คะแนน หรือในบางอำเภอมีผู้สมัครเพียง 2 กลุ่ม ตามหลักสามารถเลือกไขว้ แต่ถ้าวันมารายงานตัว หากมีหนึ่งกลุ่มไม่มารายงานตัว ก็จะเหลือเพียงกลุ่มเดียว มีสภาพที่ไม่สามารถเลือกไขว้ได้ ก็ต้องตกไปเช่นกัน

ภาพ เจมส์ วิลสัน / Thai News Pix

ผู้สมัคร สว. จี้ กกต. ไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง เพิกถอนระเบียบแนะนำตัว ขณะที่ ‘สว.สมชาย’ ปูดพบการจ้างลงสมัคร

ก่อนหน้านี้ ผู้สมัคร รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) บางส่วน ได้ยื่นคำร้องต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียกร้อง ไม่ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่ให้เพิกถอนระเบียบ กกต. ว่าด้วยการแนะนำตัวของผู้สมัคร สว.

ซึ่งข้อเรียกร้อง โดยสรุป มีดังนี้

1. กกต. ต้องยืนยันอย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุดว่าจะไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยดังกล่าว เพื่อให้ผู้สมัคร สว. สามารถรู้ได้ว่าสามารถแนะนำตัวได้แค่ไหน เพียงใด และทำให้การเลือก สว. เป็นไปโดยผู้สมัครทุกคนแนะนำตัวได้อย่างเสมอภาค เท่าเทียม ปราศจากความหวาดกลัว

2. กกต. มีทางเลือกที่จะใช้อำนาจสั่งยกเลิกระเบียบฉบับเดิมให้สิ้นผลไปในทันทีก็ได้ หรือจะออกระเบียบในการแนะนำตัวฉบับใหม่ ภายใต้แนวทางที่ศาลปกครองกลางวางไว้ก็ได้ โดยระเบียบฉบับใหม่จะต้องไม่จำกัดเนื้อหาในการแนะนำตัว และไม่จำกัดการรับรู้ของประชาชน

3. กกต. ต้องประกาศสถานที่เลือกในระดับอำเภอโดยเร็ว และต้องเป็นสถานที่ที่เป็นที่รู้จัก เดินทางไปได้โดยสะดวก ต้องให้ความชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอน และแนวปฏิบัติว่า การเลือกจะต้องทำอย่างไร ผู้สมัครต้องเตรียมอะไรไปบ้าง ใช้เวลาในการเลือกเท่าใด

4. กกต. ต้องเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถสังเกตการณ์ การเลือก สว. ได้ตลอดกระบวนการ ต้องเปิดให้ผู้สังเกตการณ์ และผู้สมัคร สว. มีสิทธิทักท้วงกระบวนการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยสะดวกและรวดเร็ว

ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า วันนี้ได้เปิดแถลงข่าว โดยสรุปเรียกร้องให้ กกต. ออกระเบียบในการแนะนำตัวผู้สมัคร สว. ใหม่ทันที โดยที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคำพิพากษาศาลปกครองกลาง และขอให้ กกต. ยืนยันความชัดเจน ที่จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่ออกมา เพื่อให้เกิดความมั่นใจของผู้สมัครในการเผยแพร่ข้อมูลของแต่ละคน

ด้าน นายสมชาย แสวงการ สว. กล่าวถึงจำนวนผู้สมัคร สว. แต่ละกลุ่มน้อยกว่าที่ กกต. ตั้งเป้าว่า ขณะนี้มีบางคณะการเมืองที่รณรงค์ให้คนไปสมัครเป็นผู้เลือกแทนการเป็น สว. ผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญชัดเจน ขณะที่ระเบียบ กกต. ในการเลือก สว. มีปัญหา การที่ เลขาธิการกกต. ให้สัมภาษณ์ว่า การเลือก สว. จะเป็นไปตามไทม์ไลน์ โดยประกาศรับรองไปก่อนนั้น ถือว่าไม่สุจริต เป็นอันตราย

“ขณะนี้ได้ข้อมูลจากผู้ตรวจการเลือกตั้งและคนในพื้นที่ว่า มีกระบวนการทุจริต ฮั้วเลือก สว. ว่าจ้างให้มาลงสมัครหัวละ 2,000 -10,000บาท บางพื้นที่จ้าง 5,000 บาท เป็นค่าสมัคร 2,500 บาท ตัวเองได้ 2,000 บาท และให้ลูก 500บาท คนสมัครไม่รู้ว่า มาสมัครทำอะไร รู้แค่ว่าต้องทำอย่างไร เมื่อถึงเวลา ขอให้ กกต. ตรวจสอบให้ดี การประกาศทำตามไทม์ไลน์ เลขาธิการ กกต. และกกต. อาจถูกดำเนินคดีเหมือน อดีตกกต. ชุดก่อนหน้านี้ที่ถูกจำคุก 4 ปี กกต. ต้องทำหน้าที่ ไม่ปล่อยให้การเลือกที่ผิด รับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลังเหมือนเลือกตั้ง สส. ที่พบว่า ไม่สามารถเอาผิดได้ ถ้า กกต. ตรวจสอบโปร่งใส แม้จะช้ากว่าปฏิทิน 1-2 เดือน แต่ดีกว่า เพื่อให้ได้ สว. ตรงปก ไม่เกิดปัญหา” นายสมชาย ระบุ

นายสมชาย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้รับข้อมูลมีเจ้าหน้าที่ กกต. บอกผู้สมัคร สว.เปลี่ยนกลุ่มสมัคร เพราะกลุ่มเกษตรกรมีผู้สมัครมาก ให้เปลี่ยนเป็นกลุ่มอื่น ชี้ให้เห็นมีกระบวนการส่อฮั้ว อาจได้ สว. แห่ เป็นปัญหาในอนาคตถูกตั้งคำถามมี สว. ไว้ทำไม การได้ สว. ครั้งนี้อาจเลวร้ายกว่าที่เคยกล่าวหา สว.สรรหา อีก

ภาพปก : สำนักงาน กกต.